Fic Epic 2013 : I won't let you down,Dad
ก่อนอื่นก็สวัสดีนะ นี่คือFicแบบจริงๆจังๆเรื่องแรกที่เรากลับมาแต่งในรอบปีกว่านี้
Ficนี้มาจากอนิเมชั่นเรื่องEpicที่ออกมาในปี2013 เนื้อหาของFicจะต่างจากตัวอนิเมชั่นอยู่บ้าง
*สนองนีดคนแต่งเองล้วนๆ 555*
เรื่องราวของFicจะพูดถึงสายสัมพันธ์ของพ่อลูกระหว่างแมนเดรกกับแด๊กดาซึ่งเป็นตัวร้ายของเรื่อง
เป็นแนวอบอุ่นฮีลใจ(?) ไม่มีฉากNCรึฉากIncestชวนผิดศีลธรรม
*อยากให้มองถึงความรักของพ่อลูกที่ไม่ใช่เชิงเรื่องอย่างว่า* ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆเลย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มันเป็นคืนที่แสงจันทร์และดวงดาราส่องสว่าง
แสงเล่านี้เผยให้เห็นทิวทัศน์ของพงไพรยามกลางคืนอที่เงียบสงบและงดงามอันชวนให้จิตใจผ่อนคลาย
แต่ไม่ใช่สำหรับบ็อกแก๊น
พวกบ็อกแก๊นชอบวันที่ท้องฟ้าปิดและมืดครึ้มที่ไม่มีแสงใดๆรอดผ่านหมู่เมฆมาได้
ดังนั้นแล้วคืนนี้จึงเป็นคืนที่เลวร้ายสำหรับบ็อกแก๊น...
คืนนี้เลวร้ายสำหรับแด๊กดา...
สายลมอ่อนพัดโชยไปยังห้องนอนของแด๊กดาซึ่งกำลังหลับฝันถึงบางสิ่ง...
บางสิ่งที่เป็นคำทำนายต่อชะตาชีวิตของเขาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ตอนแรกที่เนื้อหาในฝันดำเนินไปใบหน้าของแด๊กดาปรากฏรอยยิ้มร่า
เพราะในความฝันเขาได้ขี่หลังอีกาสู้รบเคียงบ่ากับแมนเดรกผู้เป็นบิดา
ไล่ต้อนราชินีทาร่ากับโรนินให้ขี่นกบินหนีอย่างหัวซุกหัวซุนได้
ธนูอาบยาพิษดอกแล้วดอกเล่าถูกยิงออกจากคันศรหมายปลิดชีพผู้ที่กำลังหลบหนีและดอกบัวต้องถูกทำลาย
แต่แล้วฝันดีก็ได้กลับกลายเป็นฝันอันโหดร้ายเมื่อความฝันดำเนินมาถูกฉากที่โรนินรับศรที่ตัวเขายิงออกไปได้
ในวินาทีที่ศรถูกโรนินยิงกลับมามันช่างชัดเจนเหลือเกินทุกอย่างนั้นเคลื่อนที่ช้าไปหมด
ศรสีดำปักเข้ามาที่อกซ้าย... ดึงเขาให้ร่วงจากหลังอีกาตามแรงดึงดูดของโลก...
“!?”
แด๊กดาสะดุ้งเตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เขาพยายามใช้เวลาอยู่นานกว่าแผ่นอกที่กระเพื่อมเพราะการหายใจอย่างตื่นตระหนกจะยอมสงบลง
เม็ดเหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นทั้งบนใบหน้าและแผ่นหลัง
ฝ่ามือที่มีเพียงสี่นิ้วลูบอกตัวเองเพื่อตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงรึความฝัน
โชคดี... มันเป็นความฝัน
ครั้นข่มตาให้หลับต่ออีกครั้งก็ไม่อาจทำได้
เหตุการณ์ในความในหลอกหลอนแด๊กดาตลอดทุกเสี้ยววินาทีที่จะหลับตา
ดังนั้นแล้วแด๊กดาจึงไม่อาจหลับลง พลิกตัวก็แล้ว เปลี่ยนท่านอนก็แล้ว
จะวิธีไหนๆก็ไม่ได้ผลจนเหลือเพียงจากเลือกสุดท้ายคือการไปหาแมนเดรก ถึงแด๊กดาจะไม่ได้ฉลาดเทียบเท่าแมนเดรกแต่เขาก็รู้ว่าเวลากลางคืนเช่นนี้ไม่ควรไปรบกวนการพักผ่อนของบิดา
เขาไม่อยากให้แมนเดรกเห็นว่าเขาอ่อนแอ เขาอยากให้แมนแดรกภูมิใจ...
แต่จะทำอย่างไรได้เหมือนความฝันนี้สร้างความทรมานให้เขาเหลือเกิน
แม่ทัพแห่งบ็อกแก๊นกัดริมปากล่างแน่น
ฟันแหลมคมสามารถเรียกรสฟาดขงเลือดได้ดีทีเดียว
เมื่อทำใจได้แด๊กดาจึงรีบจัดการสภาพของตัวเองให้สุภาพอย่างรวดเร็วเพราะถึงเป็นพ่อลูกกันแต่จะให้เปลือยท่อนบนไปหาก็ใช่ที่
หากเหล่าทหารตรวจตราพบเข้าจะนำไปนินทาลับหลังได้ เช่นนั้นแล้วเกียรติที่สะสมมาของแมนเดรกจะสั่นคลอนเอา
เขาจะทำให้ผู้ที่เคารพรักได้รับผลกระทบด้วยเรื่องงี่เง่าแบบนี้ไม่ได้
ตลอดเส้นทางที่เดินไปยังห้องนอนของแมนเดรกก็มีทหารผ่านบ้างเป็นประปรายจนเมื่อเข้าเขตของแมนแดรกก็ไม่มีทหารยืนประจำการอยู่อีก
แมนแดรกไม่ชอบการถูกรบกวนในเวลาพักผ่อน—ไม่ว่าจากใครก็ตาม
แด๊กดายืนนิ่งหน้าห้องอยู่นาน กลืนน้ำลายหลายรอบจนนับไม่ถ้วนแต่ไม่กล้าเคาะประตูไม้สีดำบานใหญ่นี่เสียที
สุดท้ายแล้วแด๊กดาก็ล้มเลิกความคิดที่จะรบกวนแมนเดรกไป
ไม่ได้หลับแต่วันเดียวคงไม่เป็นไร
ในจังหวะที่แด๊กดากำลังหมุนตัวเพื่อกลับห้องเสียงของผู้ที่เขาคิดจะมาหาก็ดักรอดออกมาผ่านช่องว่างของประตู แด๊กดาชะงักอยู่แบบนั้นไม่กล้าขยับเขยื้อนในใจบอกตัวเองว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ตนแค่หูฝาดไปเอง ในเวลานี้แมนเดรกควรจะหลับอยู่ แต่แล้วเสียงจากราชาแห่งบ็อกแก๊นได้ดังขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ได้หูฝาดไป!?
‘ข้ารู้ว่าพ่อพูดเพื่อให้ข้าดีใจ
ได้โปรดอย่าโกหกข้าเลย อย่าโกหกข้าในยามสุดท้ายของชีวิต’ แด๊กดาอยากจะพูดประโยคนี้ออกไปแต่ศรธนูที่ปักไว้มันช่างเจ็บเหลือเกิน
เพียงแค่หายใจก็รู้สึกทรมานจนอยากสิ้นลมเสียตอนนี้
สิ่งที่พอทำได้คือการซบอกในอ้อมกอดของแมนเดรกรอเวลาที่กำลังนับถอยหลังช้าๆ
แต่แล้วป่าบริเวณรอบๆก็เกินการสั่นสะเทือน
ใบไม้ที่เคยเขียวขจีกลายเป็นสีดำและล่วงหล่นลง ผืนป่าเริ่มเน่าสลลายและผุพังขนาดตัวเริ่มขึ้นเป็นวงกว้าง
“อ่า...
พ่อ... มันช่าง...สวยงาม...”
ในจังหวะที่แด๊กดากำลังหมุนตัวเพื่อกลับห้องเสียงของผู้ที่เขาคิดจะมาหาก็ดักรอดออกมาผ่านช่องว่างของประตู แด๊กดาชะงักอยู่แบบนั้นไม่กล้าขยับเขยื้อนในใจบอกตัวเองว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ตนแค่หูฝาดไปเอง ในเวลานี้แมนเดรกควรจะหลับอยู่ แต่แล้วเสียงจากราชาแห่งบ็อกแก๊นได้ดังขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ได้หูฝาดไป!?
“เข้ามาสิ”
น้ำเสียงที่ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆทำให้แด๊กดาต้องแง้มประตูเข้าไปภายในห้องช้าๆ
เมื่อเข้ามาเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงพบแมนเดรกที่กำลังนอนมองมาทางเขา ดวงตาสีอำพันของทั้งคู่ประสานกันครู่หนึ่งก่อนจะเลิกไป
แด๊กดายื่นเก้ๆกังๆไม่กล้าเอ่ยพูดก่อนจนแมนเดรกตองพ่นลมหายใจออกมาและเป็นฝ่ายเริ่มพูดแทน
“มีธุระอะไรถึงมารบกวนพ่อในเวลานี้”
“พะ
พ่อนี่สุดยอดไปเลย ขนาดหลับยังรู้ว่าข้ามาหา”
“แด๊กดา
ธุระ” แมนเดรกกรอกตาปลงโลกใส่ลูกชายแสนซื่อ
“ข้า...
นอนไม่หลับ ข้าฝันร้าย...”
สิ่งที่ลูกชายพูดออกมาทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย
แด๊กดาไม่ใช่เด็กแล้วเขาสามารถจัดการเรื่องราวเล็กน้อยอย่างฝันร้ายนี้ได้สบายๆ
ยกเว้นเสียว่า... มันเป็นฝันร้ายที่ต่างออกไป
แมนเดรกยันตัวขึ้นและใช้ฝ่ามือตบบริเวณเตียงนอนที่ยังว่างอยู่
“ไหนมาเล่าให้พ่อฟังที
สิ่งใดที่กวนใจลูก” รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นยามที่มองลูกชายตัวโตทำท่าทีเงอะงะขึ้นมานอนข้างๆบนเตียง
“เล่าให้พ่อฟังเหมือนเมื่อครั้งลูกยังเด็ก”
บ็อกแก๊นหนุ่มเล่าความฝันให้ราชา
ตอนต้นเรื่องแมนเดรกก็ดูสนุกไปกับเนื้อหาเหมือนกับที่แด๊กดาฝันเสียไม่มีผิด หนำซ้ำยังคะยั้นคะยอให้เล่าต่อเร็วอีกๆตอนที่เว้นเสียงขณะเล่าถึงฉากการไล่ล่าอันเร้าใจ
แด๊กดาเม้มปากและซูดลมหายใจเข้าช้าๆด้วยร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยที่ยากจะสังเกตเห็นหากมองไกลๆ
แต่ด้วยนอนใกล้กันขนาดนี้แมนเดรกย่อมสัมผัสได้
“เกิดอะไรขึ้นลูกชาย”
“ข้าล้มเหลว...
ข้าทำให้พ่อผิดหวัง... ข้า... ตาย"
เมื่อแมนเดรกฟังเรื่องราวความฝันของแด๊กดาแล้วก็เข้าใจสถานการณ์ขึ้นมา
ใบหน้าเขายังคงไว้ซึ่งความสุขุมไม่แสดงความหวั่นไหวต่ออะไร แต่ในใจนั้นไม่ใช่
ภายในแผ่นอกกำลังเต้นโครมครามภาวนาให้สิ่งที่แด๊กดาฝันเห็นไม่เกิดขึ้นจริง ถึงแมนเดรกจะร้ายกาจแต่เขาก็เป็นพ่อที่รักลูก
หากการที่ต้องเห็นเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวตายต่อหน้าโลกทั้งใบของเขาก็คงแตกสลาย...
“แด๊กดา...
เรื่องนั้นมันจะไม่เกิดขึ้น พ่อสัญญา”
“พ่อ...
ข้า--”
“ชู่ว
ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น นอนซะ”
แมนเดรกเอ่ยขัดลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
ฝ่ามือคอยลูบแผ่นหลังปลอบประโลมแด๊กดาให้ผ่อนคลายจากความกังวล
เสียงฮัมเพลงที่เคยใช่กล่อมแด๊กดาในสมัยเด็กดังขึ้นอย่างแผ่วเบา เมื่อทั้งห้องเงียบปราศจากเสียงคุยเสียงของดนตรีก็เข้าปกคลุมและในที่สุดแด๊กดาก็เข้าสู่ห้วงนิทรา... โดยมีคำปฏิญาณของแมนเดรกทิ้งท้าย
“พ่อจะปกป้องลูก”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ชะตากรรมเป็นเรื่องที่ไม่อาจเลี่ยง... สุดท้ายแล้วสิ่งที่แมนเดรกเฝ้าระวังก็เกิดขึ้น นัยน์ตาสีอำพันเบิกกว้างเมื่อศรทะลุเข้ากลางอกของผู้เป็นบุตรชายที่ขี่อีกานำหน้าไปก่อน
ร่างของแด๊กดาร่วงลงจากฟ้าสู่พื้นดินอย่างรวดเร็วโดยไม่มีทีท่าจะช้าลง ตอนนี้หากแมนเดรกเลือกสู้ต่อไปชัยชนะที่จะได้ครอบครองป่าย่อมไม่พ้นจากกำมือของเขา
เขาสามารถสังหารราชินีทาร่ากับโรนินได้ในศรดอกต่อไป
เป็นผู้ชนะที่ภาคภูมิเหนือดินแดนทั้งสอง แต่ไม่ แมนเดรกไม่ทำ
เขาละทิ้งหน้าที่ของกษัตริย์ที่จะสังหารศัตรูเพื่อความหน้าที่ของพ่อ
“แด๊กดา! ม่ายยยยยยยยยยยยย!”
แมนเดรกลดคันศรลงและบังคับให้อีกาของตนรีบบินตามร่างของแด๊กดาไป
แม้พยายามคว้าอีกฝ่ายเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะระยะทางที่มากเกินไป และอีกเพียงแค่ไม่กี่เมตรร่างของแด๊กดาก็จะกระแทกกับพื้นดินแล้วหากได้รับทั้งศรและการกระแทกแด๊กดาย่อมไม่รอดเป็นแน่
แมนแดรกจึงได้เรื่องวิธีสุดท้ายและอันตรายที่สุด
กษัตริย์แห่งบ็อกแก๊นดีดตัวจากหลังของสัตว์พาหนะพุ่งทะยานฝ่าอากาศไปยังร่างบุตรชายและคว้าตัวเขาไว้ได้สำเร็จก่อนถึงพื้นอย่างฉิวเฉียด
แต่แมนเดรกต้องรับแรงกระแทกแทนซึ่งนั่นเขาก็ยินดีแลกเพื่อยื้อเวลาชีวิตให้กับแด๊กดาที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด
“พ..
พ่อ...” แด๊กดาปรือตาขึ้นเพื่อมองบิดาผู้ให้กำเนิด
น้ำเสียงเอ่ยอย่างยากเห็นเพราะมีเลือดขวางกั้นอยู่ ทุกอย่างมันช่างเลือนลางเหลือเกิน
ช่างเจ็บปวดและทรมาน “ข้าขอ...
โทษ... ข้าทำท่าน... แค่ก— ผิดหวัง... จนได้ แค่กๆ--” เลือดสีดำเข้มถูกกระอักออกมาจำนวนมาก
ใบหน้าของแด๊กดาก็ยิ่งซีดลงเรื่อยๆ “ข้าล้มเหลว...”
“ไม่ลูกพ่อ! เจ้าไม่ได้ล้มเหลว!
เจ้าทำสำเร็จ!”
“ใช่ไหมแด๊กดา! มันงดงาม! เจ้าทำสำเร็จ! แด๊กดา...?”
แมนเดรกมีสิ่งมากมายที่อยากพูดออกมาแต่ถูกฝ่ามือของลูกชายปิดเอาไว้
ทั้งคู่สบตากันแทนการสนทนา ในช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาอยากใช้ชีวิตเงียบๆร่วมกับแมนเดรกพร้อมกับฟังเสียงป่ากำลังพังทลายซึ่งนับเป็นเพลงเพลิดเพลินนัก
พวกเขาทั้งคู่ต่างรู้ว่าอย่างบอกสิ่งใดต่อกัน ‘ข้าดีใจที่มีท่านเป็นพ่อ’
‘ข้าดีใจที่มีเจ้าเป็นลูก’
เมื่อวินาทีสุดท้ายมาถึงทั้งคู่ต่างพูดบางสิ่งที่เหมือนกันออกมา
“ข้ารักท่าน/เจ้า”
แด๊กดาหลับตาลง
ร่างกายเขากลายเป็นสีดำและเริ่มสลายกลายเป็นผุยผงในอ้อมกอดของแมนเดรก เหลือเพียงศรสีดำที่เคยปักอกอันเป็นตัวแทนของลูกชายเอาไว้
บัดนี้... แด๊กดา บุตรแห่งแมนแดรกได้กลับคืนสู่พสุธาแล้ว...
END
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น