Short Fic : Mouth of Sauron

คุยกันก่อน : แต่งสนองneedล้วนๆเลยนะเนี่ย



   เสียงข้าวของถูกปากระจัดกระจายก่อให้เกิดดังเล็ดลอดออกมาข้างนอกแม้ว่าประตูห้องจะถูกปิดเอาไว้โดยไม่มีทีท่าว่าจะเปิด เสียงเหล่านั้นยังคงดังไม่หยุดมันจึงกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นให้ผู้อยู่นอกห้องอย่างผู้ติดตามทั้งสี่ได้มากนัก
   "เกิดอะไรขึ้นภายในห้องท่านโอษฐ์ฯน่ะ-?"
   "อยากรู้ก็ลองถามท่านดูเส่-"
   "บ้ารึ- หากท่านอารมณ์ไม่ดีอยู่ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหลอกรึ"
   "โบราณว่าอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือไม่ใช่รึ-?"
   เสียงทั้งสี่ดังขึ้นเป็นระลอกๆเพื่อหารือกัน สุดท้ายมติก็เป็นเอกฉันท์โดยลงความว่าจะเคาะประตูห้องถามคนข้างในว่าเกิดอะไรขึ้นดู

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะ
   "ท่านโอษฐ์ฯ--- เกิดอะไรขึ้นข้างในรึป่าวขอรับ" ผู้ติดตามที่เป็นหน่วยกล้าตายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงปนอยากรู้ซึ่งประสงค์อย่างหลังมากกว่า เมื่อพูดจบก็สังเกตุได้ว่าเสียงดังในห้องเงียบหายไปแล้ว "เอ่อ---" เจ้าตัวคิดจะลองถามอีกครั้งแต่เสียงเหมือนมีอะไรมากระแทกประตูก็ทำให้เจ้าตัวสะดุ้งโหยงแทน
    "มีอะไร---" โอษฐ์แห่งเซารอนตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่ากว่าปกติขณะนั่งพิงประตูเหมือนกำลังพักเอาแรง ดวงตาเขาลู่หลับลงขณะรอฟังฝ่ายที่อยู่อีกฝั่งของบานประตู
   "พอดีพวกเราได้ยินเสียงดังข้างในเลยเป็นห่วงท่านขอรับ-- เกรงว่าท่านจะได้รับอันตราย" ผู้ติดตามอีกคนเอ่ยตอบโดยใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้น้ำเสียงออกมาตะกุกตะกัก
   "เห๊อะ-- จะมีผู้ใดทำอันตรายข้างั้นรึ- สิ้นคิด-!" ผู้ครองตำแหน่งทูตแห่งมอร์ดอร์ตวาดลั่น "เจ้ากำลังดูถูกข้า ไม่สิ ดูถูกความปลอดภัยที่นายท่านเซารอนสร้างขึ้นอยู่นะไอ้พวกสวะ-!"
   "ขออภัยขอรับ-- พวกข้าหาได้มีเจตนาล่วงเกินไม่" เสียงทั้งสี่ต่างพากันขอโทษขอโพยกันจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์
   "เอ่อ--- จะเป็นอะไรไหมหากท่านโอษฐ์ฯจะช่วยเปิดประตู...พวกเราอยากแน่ใจว่าท่านไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ" ผู้ติดตามคนเดิมกับที่เอ่ยถามทั้งแรกกล่าวถามอีกครั้ง
   โอษฐ์แห่งเซารอนเงียบไปจนผู้ติดตามทั้งสี่ต่างพากันใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ สุดท้ายโอษฐ์แห่งเซารอนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย เขาลุกขึ้นเปิดประตูช้าๆเพื่อสนองความเป็นห่วงหรือจะพูดให้ถูกคือสนองความอยากรู้อยากเห็นของพวกผู้ติดตาม
   เมื่อบานประตูเปิดออกภาพที่เห็นก็ทำให้พวกเขาตกตะลึง ไม่ใช่เพราะสภาพห้องที่เละเทะตามที่คาดไว้แต่เป็นใบหน้าของโอษฐ์แห่งเซารอนต่างหาก ยิ่งบริเวณปากยิ่งทำให้พวกผู้ติดตามรู้สึกสะพรึง
   "ท่านกรีดปากตนเอง-?" หนึ่งในสี่ผู้ติดตามถามเสียงสั่น "ทำไมกัน...-?"
   โอษฐ์แห่งเซารอนหัวเราะเสียงเย็น แผลที่ปากกลับมาปริอีกครั้งส่งผลให้เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา เจ้าตัวใช้แขนเสื้อเห็นอย่างไม่สนใจเท่าไหร่แล้วตวัดหางตามองพวกผู้ติดตาม
   "ใช่- ข้ากรีดริมฝีปากตนเอง" เขายิ้มเล็กๆออกมาตรงมุมปาก "ส่วนสาเหตุนั้น...ข้าเพียงอยากรู้ว่าตนเองยังมีความรู้สึกอยู่ไหมหลังสูญเสียวิซคิงไป" ดวงตาสีแดงจ้องเขม็งมายังเหล่าผู้ติดตามด้วยใบหน้าเรียบเฉย
   เหล่าผู้ติดตามต่างมีคำถามมากมายที่จะถามออกไปแต่ก็ต้องจำใจเก็บไว้เมื่อถูกโอษฐ์แห่งเซารอนปิดประตูใส่พร้อมคำพูดที่ชวนไม่รื่นหูทิ้งท้ายไว้ดังเช่นเคย
.
.
.
   โอษฐ์แห่งเซารอนเดินมาหยุดหน้ากระจกที่ยังไม่ถูกปาลงพื้นเหมือนสิ่งของอื่นๆ นิ้วเรียวแตะริมฝีปากที่เต็มไปด้วยบาดแผลเบาๆ
   "ความรู้สึกข้ายังอยู่..." เจ้าตัวครางในลำคอเบาๆเมื่อความเจ็บแล่นไปถึงสมองแล้วถูกส่งกลับมา "แต่สิ่งที่ไม่เหลืออยู่แล้วคือหัวใจของข้า" เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนจะปล่อยออกมาเพื่อห้ามเสียงสะอื้น "หัวใจของข้าได้ตายไปพร้อมกับเจ้าแล้ววิซคิง..."

END

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

FanFic : Pirates of the Caribbean : Dead Men Tell No Tales : 01

FanFic : วิทูร เชียร [พระเจ้า & สาวก ]

FanFic : witchking of angmar and mouth of sauron 01