[FanFic : Lord Of The Rings] ภูติแหวนและป่าหมอก
คนเขียนแต่งสนองneedตัวเองด้วความมึน เพราะงั้นสาระในหนังไม่มีนะ [°×°]
---------
ท่ามกลางป่าไม้ทึบหนาที่แสงสว่างของดวงตะวันไม่อาจส่องลงมาถึง ร่างสีดำเหนือหลังอาชาตัวใหญ่ควบม้าเข้าสู่เข้ามาในป่าช้าๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำสั่งหรือดวงจิตคิดเล่นตลกอะไรที่ดลใจให้เข้ามา ป่าแห่งนี้มีสิ่งลี้ลับนานาพรรณซ่อนตัวอยู่จนไม่อาจรู้ได้ ภูติแหวนเพียงตนเดียวจากทั้งเก้ามาถึงใจกลางของป่า เขาหยุดม้าลงพร้อมกวาดสายตาไปรอบด้าน ลมหายใจถี่กระชั้นและรุนแรงขึ้น หมอกทึบที่ไม่อาจทราบที่มาได้กำลังก่อตัวล้อมภูติแหวนเอาไว้ ความคลื่นไส้ที่ไม่สามารถมีได้กลับปรากฏขึ้น ร่างกายรู้สึกสั่นเทิ้มจนคุมไม่อยู่ มือสองข้างกระชับบังเหียนแน่น
จากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด บรรยากาศหนักอึ้งลงจนของเดิมไม่อาจเทียบได้ กลิ่นคาวเลือดและเนื้อเน่าแผ่กระจายคละคลุ้ง ความน่าสะอิดสะเอียนก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงแซ่กๆราวสัตว์ขนาดใหญ่กำลังเคลื่นผ่านกระตุ้นสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของภูติแหวน เขาชักดาบออกมาโดยไม่รอช้า ผ้าคลุมสะบัดซ้ายทีขวาทีตามการหันหน้าและเมื่อเขาหันกลับมาทางเดิมอีกครั้งก็ต้องประจันหน้ากับงูยักษ์บาซิลิส-!
---------
ท่ามกลางป่าไม้ทึบหนาที่แสงสว่างของดวงตะวันไม่อาจส่องลงมาถึง ร่างสีดำเหนือหลังอาชาตัวใหญ่ควบม้าเข้าสู่เข้ามาในป่าช้าๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำสั่งหรือดวงจิตคิดเล่นตลกอะไรที่ดลใจให้เข้ามา ป่าแห่งนี้มีสิ่งลี้ลับนานาพรรณซ่อนตัวอยู่จนไม่อาจรู้ได้ ภูติแหวนเพียงตนเดียวจากทั้งเก้ามาถึงใจกลางของป่า เขาหยุดม้าลงพร้อมกวาดสายตาไปรอบด้าน ลมหายใจถี่กระชั้นและรุนแรงขึ้น หมอกทึบที่ไม่อาจทราบที่มาได้กำลังก่อตัวล้อมภูติแหวนเอาไว้ ความคลื่นไส้ที่ไม่สามารถมีได้กลับปรากฏขึ้น ร่างกายรู้สึกสั่นเทิ้มจนคุมไม่อยู่ มือสองข้างกระชับบังเหียนแน่น
จากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด บรรยากาศหนักอึ้งลงจนของเดิมไม่อาจเทียบได้ กลิ่นคาวเลือดและเนื้อเน่าแผ่กระจายคละคลุ้ง ความน่าสะอิดสะเอียนก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงแซ่กๆราวสัตว์ขนาดใหญ่กำลังเคลื่นผ่านกระตุ้นสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของภูติแหวน เขาชักดาบออกมาโดยไม่รอช้า ผ้าคลุมสะบัดซ้ายทีขวาทีตามการหันหน้าและเมื่อเขาหันกลับมาทางเดิมอีกครั้งก็ต้องประจันหน้ากับงูยักษ์บาซิลิส-!
มันจ้องมาที่ภูติแหวน ลิ้นสองแฉกของมันแลบก็มาเป็นพักๆ ภูติแหวนตัดสินใจนิ่งไม่ขยับเขยือนเพื่อรอดูท่าทีแต่ม้าเจ้ากรรมกลับไม่คิดงั้น มันส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัว ขาหน้าสองข้ายกขึ้นแล้วรีบวิ่งหนี การโดนฉุดด้วยแรงม้ายามหวาดกลัวโดยไม่ได้ตั้งตัวทำให้ดาบที่อยู่หล่นลงพื้น และแล้วบาซิลิสก็เข้าโจมตี มันเลื้อยอย่างรวดเร็วตามมาในทันทีโดยไม่รอช้า
หัวของมันสะบัดใส่ภูติแหวนและม้าอย่างรุนแรง ภูติแหวนรีบลุกขึ้นวิ่งกลับไปเอาดาบโดยไม่สนใจม้า เพราะมันได้ตายด้วยคมเขี้ยวพิษและถูกกลืนลงคอบาซิลิสไปแล้ว แต่หางของมันยังอุตส่าห์เหวี่ยงใส่ภูติแหวนจนร่างได้กระแทกกับต้นไม้ได้
ความเจ็บใดๆล้วนไม่มีผลต่อภูติแหวนที่เป็นเพียงวิญญาณ เขารีบกลับไปเอาดาบอีกครั้ง ครั้งนี้เขาเก็บดาบไปสำเร็จแต่ก็ถูกบาซิลิสกัดเข้าที่ร่างพอดีพร้อมเขี้ยวขนาดใหญ่เสียบทะลุร่างก่อนจะพันตัวเขาเอาไว้แล้วพันแน่นขึ้นเรื่อยๆไม่มีหยุด
ดวงตาของมันวาวโรจน์ยามมองเหยื่อตรงหน้าแต่หารู้ไม่ว่าว่ามือที่ถือดาบของภูติแหวนตอนนี้ได้ขยับเงื้อมขึ้นแล้ว เขาแทงดาบใส่ดวงตาข้างขวาของบาซิลิสอย่างรวดเร็ว บาซิลิสคลายตัวออกทำให้ร่างของภูติแหวนเป็นอิสระและถึงพื้น บาซิลิสสะบัดหัวด้วยความเจ็บปวดเหวี่ยงชนต้นไม้ล้มไปอีกหลายต้น
ภูติแหวนกุมดาบให้มั่นแล้ววิ่งเข้าโจมตีบาซิลิสทันทีโดยไม่รอให้มันได้ตั้งตัว คมดาบฟันเข้าที่ตัวของบาซิลิสสร้างบาดแผลเหวอะหวะนับไม่ถ้วน มันกรีดร้องและสะบัดแรงขึ้น ภูติแหวนก็ยิ่งลงดาบเร็วขึ้นเช่นกัน บาซิลิสเริ่มหมดแรงด้วยฤทธิ์บาดแผล หัวของมันเริ่มต่ำลง ภูติแหวนที่เล็งจังหวะนี้เอาไว้พุ่งเข้าใส่บาซิลิสทันที คมดาบเสือกแทงขึ้นจากด้านล่างทะลุเข้าไปในหัวของบาซิลิส มันสะบัดอีกทีเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล้มตึงกับพื้น
ภูติแหวนชักดาบออกมาจากร่างไร้วิญญาณพร้อมสะบัดคราบเลือดเหนียวหนืดที่ติดดาบอยู่ ยังไม่ทันที่จะได้เก็บดาบเข้าฝักสัตว์ร้ายตัวอื่นๆก็ปรากฏร่างขึ้นให้ประจัก จำนวนมากเกินจะรับมือเพียงลำพังไหว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องกังวลเพราะตอนนี้ภูติแหวนอีกแปดตนที่เหลือได้ตามเขามาถึงแล้ว...
END
cr.รูปภาพ : [ขออภัยที่จำไม่ได้]
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น