FanFic : Pirates of the Caribbean : Dead Men Tell No Tales : 02

FanFic : 《Pirates of the Caribbean 5》: ??? x ??? : 02
Rate : PG (?)
คุยกันก่อน : ช่วงนี้ความขี้เกียจมันรุมล้อม 555

   หลังจากถูกกักขังมานานกว่ายี่สิบปีภายในสามเหลี่ยมปีศาจที่รายล้อมด้วยความมืด ทำให้เหล่าสมาชิกเรือไซเรนจ์  แมรี่ต่างพากันคิดถึงปนโหยหาแสงแดดอีกครั้ง เหมือนพระเจ้าฟังคำวิงวอนเมื่อแจ็ค สแปโร่ได้ละทิ้งเข็มทิศที่เป็นตัวแปรในการกักขังเพียงเพื่อเหล้าเพียงขวดเดียวไป
   หินน้อยใหญ่พากันถล่มล่วงสู่ทะเลเปิดเส้นทางที่ปิดตายมานานให้แสงสว่างของดวงอาทิตย์สาดส่อง สามเหลี่ยมปีศาจหายไปแล้วย่อมแปลได้ว่าเหล่าผีแห่งเรือที่ถูกกักขังในสามเกลี่ยมปีศาจได้ถึงเวลาผงาดเพื่อล้างแค้น
   "แสงแดด- แสงแดด-" ผู้อยู่บนเรือต่างอ้าแขนรับแสงแดดที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
   กัปตันซาลาซาร์ครางอย่างพอใจอยู่ในลำคอ แขนทั้งสองลู่ลงแนบข้างพร้อมหมุนตัวช้าๆกวาดสายตาไปยังลูกเรือ "ได้เวลาล้างแค้น" เสียงเรียบแฝงด้วยแรงกดดันกล่าวเบาๆแต่กลับได้ยินชัดถึงทุกคน
   "เฮ้-!!!" ลูกเรือทั้งหลายตอบรับลั่น ต่อให้ร่างกายต้องแตกสลายย่อยยับมากกว่านี้ก็ต้องแก้แค้นให้ได้
   เรือไซเรนจ์ แมรี่เคลื่อนตัวจากจุดที่มันเคยล่มโดยมีพิกัดหมายมั่นไว้เรียบร้อยเพื่อการล้างแค้นโดยคนที่เป็นผู้ก่อเรื่องทั้งหมดขึ้นยังคงใช้ชีวิตอย่างคนเมาเหลาะแหละไปวันๆซึ่งไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังจะมาเยือนตนแม้แต่นิด
   ณ เรือควีน แอนน์ส เรเวนจ์ที่ลอยลำอยู่กลางทะเล
   "กัปตัน-!!! กัปตันบาบอสซ่า" ร่างท้วมทั้งสองร่างพากันเบียดเสียดวิ่งเข้ามาในห้องกัปตันเรือเหมือนไฟลนก้น "เกิดเรื่องแล้วกัปตัน-!!!"
   "อารายยย- ข้ากำลังพักผ่อนอยู่นะ" บาบอสซ่าที่กำลังเสพสุขกับขนมหวานนานาโดยมีเสียงเพลงจากกลุ่มนั่งดนตรีบรรเลงอยู่ไม่ห่างตอบด้วยความเกียจคร้าน นิ้วก้อยยกขึ้นมาแคะหูด้วยความเบื่อหน่าย
   เจ้าของร่างท้วมทั้งสองว่ากันถกเถียงว่าใครจะเป็นคนเล่าอยู่นานจนบาบอสซ่าหงุดหงิดชักปืนที่เหน็บข้างเอวขึ้นมา เหล่านักดนตรีเห็นท่าไม่ดีรีบกรูกันออกไปทันที ห้องจึงกลับมาอยู่ในความสงบ
   "คือว่ากัปตัน...ตอนนี้เรือของเราถูกทำลายไป4-5ลำแล้วครับ-!" ชายท้วมคนแรกตอบด้วยความลังเล ตัวสะดุ้งโหยงเมื่อบาบอสซ่าตบโต๊ะดังปั๊ง
   "เป็นไปได้ไง-! ทรัพย์สมบัติมากมายของข้าล้วนอยู่ในนั้นทั้งนั้น" เจ้าของเรือมากมายระเบิดโทสะ "ใครหน้าไหนเป็นคนทำกัน-!"
   "ผู้ที่รอดมาได้บอกว่าชื่อซาลาโซ ไม่สิ เลซาร์ ซาลา ???" อีกคนพูดไปนึกชื่อไปจนหัวคิ้วขมวดยุ่งโดยไม่ทันได้สังเกตุถึงความเปลี่ยนไปของกัปตันตน
   "ซาลาซาร์..." บาบอสซ่าตอบเสียงเย็นหัวใจกระตึกวูบ ร่างกายสั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่จนต้องหาสิ่งใดมาจับไว้
   "ใช่ครับกัปตัน มันชื่อซาลาซาร์---" ร่างท้วมคนที่สองพูดไม่ออกเมื่อเห็นบาบอสซ่าที่น่าหวั่นเกรงแสดงอารมณ์ตามที่ปรากฏตรงหน้า
   สายลมพัดไอน้ำและกลิ่นทะเลเข้าซัดเรือไซเรนจ์  แมรี่ที่กำลังมุ่งหน้าไปหาแจ็ค สแปรโร่ชะชอความเร็วลงเพราะเห็นเรือไม่ทราบชื่อแล่นเข้ามาหา
   "มีเรือมา-!!!" ลูกเรือผีตนนึงตะโกนขึ้นเสียงความสนใจให้สมาชิกทั้งหลาย
   "ไหนดูสิว่าใครมา" ซาลาซาร์เพ่งผ่านกล้องส่องทางไกลที่ทหารเรือข้างๆถือให้เพราะเกรงว่าจะให้ซาลาซาร์ที่ขาเสียข้างนึงแล้วต้องใช้มือข้างขวาจับที่จับดาบพยุงร่างส่องเองจะไม่สะดวกจึงอาสาถือกล้องแทน "เอาล่ะ ไปดูกันหน่อยดีกว่า"
   เมื่อเรือไซเรนจ์ แมรี่กับเรือควีน แอนน์ส เรเวนจ์เคลื่อนเข้ามาใกล้กัน ผู้อยู่บนเรือผีโยนตะขอเกี่ยวเรือทั้งสองลำเข้าตัวกัน เข่นฆ่าลูกเรืออีกฝ่ายไปมากมายแต่ก็มีที่ เว้นชีวิตไว้อยู่บ้าง
   ซาลาซาร์เดินไปยังบาบอสซ่าที่ยืนตรงพังงาเรือ คมดาบเก่าๆแนบไว้ข้างลำคอบาบอสซ่าแน่น "เจ้าคงรู้สินะว่าข้าเป็นใคร"
   บาบอสซ่าอ้ำอึ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงแห้งผาก "ซาลาซาร์...ผู้ที่ฆ่าคนมาหลายร้อยพัน"
   "ไม่ ไม่ ไม่" ซาลาซาร์รีบพูดปฏิเสธพุ่งหน้าใส่คนที่ถูกดาบจ่อใกล้เกินคืบทันควัน เส้นผมโบกสะบัดราวมีชีวิตบดบังใบหน้าบาบอสซ่าต่อสายตาผู้อื่น"โจรสลัด ข้าฆ่าโจรสลัด" ซาลาซาร์ย้ำคำพูด
   เลซาโรที่ยืนมองอยู่ด้านหลังรู้สึกไม่สบอารมณ์มุมปากกระตุกไม่หยุด จะใกล้เกินไปแล้ว เจ้าตัวคิดอย่างไม่พอใจที่เห็นซาลาซาร์ยื่นหน้าไปใกล้คนอื่นขนาดนี้
   "บอกข้าได้ไหมว่าแจ็ค สแปโร่อยู่ที่ไหน" ซาลาซาร์กล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มแต่กลับอ่อนลงในชั่วพริบตาเมื่อพูดถึงชื่อของแจ็ค สแปโร่ ว่าเสร็จก็ถอนใบหน้าออกเพื่อโฟกัสบาบอสซ่าได้ชัดๆ
   เมื่อถูกถามถึงคนที่ไม่อยากให้ถามถึงมากที่สุดบาบอสซ่าจึงทำได้แคก่กัดริมฝีปากแน่นยืนนิ่งไม่ตอบ ซาลาซาร์รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะแสยะยิ้มที่ดูร้ายกาจอย่างไม่ปิดบัง
   "เมื่อข้าเคาะดาบจะมีคนต้องตาย" ซาลาซาร์กล่าวเสร็จก็เคาะดาบไปหนึ่งครั้ง เสียงดาบแทงเข้าร่างลูกเรือควีน แอนน์ส เรเวนจ์ลูกเรือที่โชคร้ายล้มลงที่พื้นเรือ เลือดสีแดงไหลเปรอะพื้นเรือ "ไม่ต้องห่วง ข้าไว้ชีวิตไว้หนึ่งคนเพื่อเล่าเรื่องเสมอ"
    บาบอสซ่ามองเหตุการณ์ที่ด้วยสายตาเบิกกว้าง "จะเอายังไง..."ซาลาซาร์ถามอีกแต่ได้คำตามมาเป็นความเงียบจึงเคาะดาบอีกสองครั้งและเปลี่ยนเคาะดาบอย่างเดียวให้เป็นเคาะดาบปนกระทบเท้ากับพื้นเรือเป็นทำนองชวนน่าฟังพิลึกด้วยจังหวะรวดเร็ว
   ร่างลูกเรือของบายอสซ่าล่วงตายเป็นใบไม้มากมาย กัปตันที่เห็นลูกเรือตายกัดฟันแน่น "ก็ได้ ก็ได้-! ข้าจะตามหาแจ็ค สแปโร่ให้"
   ซาลาซาร์เหยียดยิ้มยกมือเป็นสัญญาณให้หยุดการล้างบางลูกเรือของโจรสลัดตรงหน้า "ข้าให้เวลาเจ้าถึงพระอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้ ไม่เช่นนั้นทั้งเจ้าและลูกเรือจะต้องตาย" ดวงตาสีน้ำตาลจับจ้องไปยังบาบอสซ่าที่พยักหน้ารับคำพูดจึงย้ายร่างกลับเรือไซเรนจ์ แมรี่ของตนพร้อมลูกเรือโดยมีบาบอสซ่าตามไปด้วยเพื่อคุมเรือไปยังจุดที่แจ็ค สแปโร่อยู่
   เป็นเวลาค่อนคืนแล้วที่บาบอสซ่าคุมพังงาเรือผีอยู่คนเดียว ดวงตาจ้องไปยังกล่องเข็มทิศในมือโดนอาศัยแสงคบไฟที่จุดอยู่บนเรือมองด้วยความยากลำบาก
   อากาศหนาวตอนกลางคืนทำให้บาบอสซ่ารู้สึดไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่แต่ก็ยังไม่ขยับไปไหน ในใจคิดเพียงแค่ว่า ถ้าหาแจ็คได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งปกป้องได้เร็วเท่านั้น จึงได้ฝืนสังขารคอยคุมพังงาเรือต่อไป
   นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองไปยังกล่องเข็มทิศสีดำในมือบาบอสซ่าจากอีกฟากของเรือ อาาา เข็มทิศนั่นทำไมถึงอยู่ในมือโจรสลัดนี่ได้ ซาลาซาร์ขบคิดช้าๆในใจ กล่องเข็มทิศสีดำอันเดียวกับที่แจ็ค สแปโร่เคยควงเล่น...
   "เจ้าได้เข็มทิศนี่มาได้ไง" บาบอสซ่าใจหายวาบเพราะเมื่อครู่ไม่มีใครอยู่รอบข้างแท้ๆแต่อยู่ๆซาลาซาร์ก็โผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงจึงเกือบร้องด้วยความตกใจออกมา
   "เข็มทิศนี่...ข้า ข้าได้มาจากหญิงที่ถูกเรียกว่าแม่มดคนนึงที่ถูกขังไว้ในคุกหลวงมันเป็นเข็มทิศของแจ็ค สแปโร่" คนถูกถามอธิบายช้าๆ สายตามองต่ำไม่เงยสบกับอีกฝ่าย มือกำเข็มทิศแน่นเหมือนกลัวจะถูกเอาไป
   "ข้ารู้ ข้ารู้"ซาลาซาร์ตอบสั้นๆเอื้อมมือไปแตะกล่องเข็มทิศอย่างแผ่วเบาลูบไปมาช้าๆอยู่นานเหมือนสติไปอยู่กับตัว
   บาบอสซ่ารู้สึกตัวแข็งถือ มองการกระทำของซาลาซาร์ด้วยความแปลกใจแต่ไม่กล้าเอ่ยอะไร แม้ที่ผ่านมาสแปโร่ไม่เคยเล่าเรื่องในอดีตของตนเกี่ยวกับซาลาซาร์ให้ฟังแต่พอมองซาลาซาร์กล่าวถึงสแปโร่หรืออะไรเกี่ยวกับแ
สแปโร่ทำให้บาบอสซ่าแน่ใจแล้วว่าต้องมีปูมหลังอะไรซักอย่างแน่ แจ็ค ข้าล่ะเกียจเจ้าจริงๆ บาบอสซ่าคร่ำครวญในใจ
   "เจ้าเป็นอะไรกับแจ็ค สแปโร่" ดูเหมือนซาลาซาร์จะหลุดจากภวังค์แล้วถึงได้ละมือออกแถมเอ่ยถามคำถามต่ออีก
   โจรสลัดที่คุมพังงาอยู่ชะงักกับคำถาม เล็บที่ไว้ยาวจิกลงเนื้อไม้ของพังงา ที่ผ่านมาแม้จะมีความสัมพันธ์ทางกายด้วยกันหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยพูดถึงสถานะของกันและกันเลย จริงๆแล้วข้ารู้สึกยังไงกับเจ้าข้าก็ยังไม่แน่ใจเลยแจ็ค บาบอสซ่าก้มยกยิ้มบางที่มุมปาก
   "ข้ากับแจ็ค สแปโร่เป็นศัตรูคู่อาฆาตกันเท่านั้น" บาบอสซ่าไตร่ครองคำพูดเสร็จจึงตอบออกไป จะว่าแบบนี้ก็ไม่ผิดในเมื่อที่ผ่านมาตนทำให้สแปโร่เจ็บปวดมาหลายครั้งอีกทั้งทอดทิ้งเขามานับครั้งไม่ถ้วน
   "อืม" ซาลาซาร์ไม่คิดติดใจอะไรกับบาบอสซ่าจึงเดินจากไปโดยทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าไม่เจอแจ็ค สแปโร่เจ้าก็เตรียมตายได้เลย
   แสงอาทิตย์ยามเช้าโผล่ขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้าสาดส่องกระทบพื้นน้ำเป็นประกาย คมดาบเก่าๆประทับแนบที่ลำคอบาบอสซ่าอีกครั้ง "หมดเวลาแล้วเจ้าโจรสลัด" ซาลาซาร์ออกแรงกดดาบมากขึ้น
   เลือดสีแดงเข้มค่อยๆไหลซึมตามปากแผลบริเซณลำคอ บาบอสซ่ารีบข่มความตื่นตระหนกที่ห้ามไม่อยู่ในใจ "พระอาทิตย์ยังขึ้นไม่หมด ยังมีเวลาอีก" กัปตันแห่งเรือควีน แอนน์ส เรเวนจ์ปรับน้ำเสียงให้สั่นน้อยที่สุด
   เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลหรี่ตาลงเล็กน้อยเป็นเชิงพินิจแล้วเอาตาลู่ลงให้ทำหน่าที่ช่วยพยุงดังเดิม "ถ้าอาทิตย์ขึ้นเต็มดวงแล้วยังไม่เจอแจ็ค สแปโร่ล่ะก็..." ซาลาซาร์เว้นระยะพูดเล็กน้อย "คงรู้สินะว่าจะเกิดอะไรขึ้น"
   โจรสลัดกำพังงาแน่นจนเล็บยาวที่ไว้จิกเข้าไปในเนื้อไม้ บาบอสซ่าพยักหน้าช้าๆ ตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตนในตอนนี้ต่อไปโดนไม่สนเลือดที่ยังไม่หลุดไหลบริเวณลำคอ เลือดสดไหลผ่านลำคอช้าๆจนซึมเข้าในเนื้อผ้าเป็นวงกว้าง ตาเริ่มพร่าจากอาการเสียเลือด ร่างเริ่มยืนไม่มั่นคง แต่บาบอสซ่ายังฝืนคุมพังงาไปเรื่อยๆ จู่ๆก็สัมผัสไปถึงอะไรบางอย่างบริเวณลำคอจึงหันไปดูด้วยความยากลำบาก
   มือของร้อยโทตาเดียวกำลังผูกผ้า ไม่สิ ควรเรียกว่าเศษผ้ามากกว่ารอบลำคอของบาบอสซ่า เมื่อเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้วเลซาโรจึงกล่าวไปอย่างหน่ายๆ "ข้าดึงผ้ามาจากเสื้อลูกเรือเจ้าไม่สกปรกมากหรอก" 
   มือเล็กบรรจงผูกผ้าห้ามเลือดอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มน้อยๆชวนหลงใหล "ข้าจะช่วยให้เจ้าหาสแปโร่เพื่อที่จะได้กำจัดมันให้ได้โดยเร็วหรือไม่ก็เจ้าต้องนำมันไปให้ไกลกัปตันของข้าให้มากที่สุด" เลซาโรกระซิบแผ่วข้างใบหูบาบอสซ่าคล้ายทั้งสองกำลังคลอเคลียกันอยู่ "ข้าไม่อยากให้มันมายุ่งกับกัปตันของข้า ตกลงลงไหม"
   "ตกลง" บาบอสซ่าเหยียดยิ้มยกมือขึ้นมาลูบหลังคออีกฝ่าย นิ้วที่สวมแหวนมากมายหยอกเย้ากับเส้นผมสีดำขลับที่รวบไว้ด้านหลัง ใบหน้าบาบอสซ่าก้มต่ำลงหมายจะจูบเลซาโร
   "ไม่" เลซาโรสะบัดหน้าหนีรีบยกมือขึ้นมากันริมฝีปากบาบอสซ่าฉับไว "สำหรับกัปตันซาลาซาร์ของข้าเท่านั้น" เจ้าตัวเลื่อนนิ้วขึ้นมาแตะริมปากตัวเองกล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยม
   เลซาโรผละตัวออกจากวงแขนกัปตันโจรสลัด บาบอสซ่ามองยิ้มๆพลางถอนกายใจออกมาเบาๆ "เอาล่ะ มาต่อหน้าที่ที่ค้างไว้ดีกว่า" บาบอสซ่าวางมือหนาลงบนหมวกเลซาโร "เวลาเราใกล้หมดเต็มทีแล้ว"
   "อย่ามาจับส่งๆ" ร้อยโทปัดมือบาบอสซ่าออก ตาข้างเดียวหรี่ตามองแสงอาทิตย์ที่พ้นขอบฟ้ามาถึงครึ่งดวงแล้วหันกลับมามองบาบอสซ่าที่บอกเข็มทิศสลับขอบทะเลตรงหน้า "ทำไมมันไม่ชี้ไปทางทิศเหนือ" เลซาโรถามด้วยความสงสัย 
   "เข็มทิศนี่จะชี้ไปยังสิ่งที่เราต้องการที่สุดในโลก" บาบอสซ่าตอบสั้นๆกระชับได้ใจถามด้วยใบหน้านิ่งเรียบจู่ๆใบหน้านั้นก็ยกยิ้มขึ้นจนเลซาโรรู้สึกขยะแขยง "นั่น" บาบอสซ่าชี้นิ้วออกไปด้านหน้า "เราเจอแล้ว" 
   "กัปตัน- มีเรือตามเรามา" โจสามี กิ๊บส์ลูกเรือขี้เมาตะโดนบอกแจ็ค สแปโร่ที่เดินอาดๆอยู่บนดาดฟ้าเรือ
   สแปโร่ที่กะจะเดินลงท้องเรือเพื่อหาเหล้าซักขวดรีบเปลี่ยนทิศมายังคนที่ตะโกนใส่ทันที ร่างกระล่อนเอียงคอมองเรือที่ตามมาด้านหลังด้านตาเบิกโพลง 
"คุณกิ๊บส์" สแปโร่เอียงคอกลับดังเดิม
   "ครับ กัปตัน-!" นายกิ๊บส์ตอบรับคำขานหนักแน่น
   "ข้าภูมิใจมากที่มีเจ้าเป็นลูกเรือ" สแปโร่แตะไหล่นายกิ๊บส์ พูดด้วยน้ำเสียงน่าเชื่อถือซึ่งปกติไม่เคยมี
"ข้าขอยกตำแหน่งกัปตันเรือให้เจ้า" ว่าเสร็จก็รีบไปยังเรือบดทันที
   "แต่...กัปตัน" นายกิ๊บส์พยายามแย้ง
   "ไม่มีแต่-!"
   "ครับ-! ขอรับไว้ด้วยความยินดีครับ" เจ้าตัวตอบด้วยความซาบซึ้ง
   "เฮ้ พวกเจ้า-! ไปกับข้า" สแปโร่ตะโกนเรียกเฮนรี่ บุตรชายของกัปตันเรือฟรายอิ้ง ดัทช์แมน "เจ้าก็เร็วๆเข้าเส่" สแปโร่กวักมือเรียกคาริน่าหญิงสาวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดด้วยท่าทางร้อนรน
   เรือไซเรนจ์ แมรี่เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นนายกิ๊บส์เริ่มรู้ถึงชะตากรรมเสียแล้วว่าทำไมสแปโร่ถึงยกตำแหน่งกัปตันให้ นายกิ๊บส์ไม่รอช้ารีบยกตำแหน่งให้ลูกเรือที่อยู่ข้างๆทันที เพียงแค่บอกว่าแจ็คว่างใจให้ตนยกตำแหน่งกัปตันให้เสร็จเรือที่บรรทุกเหล่าผีทหารเรือสเปนก็แล่นทาเทียบข้างเรือเสียแล้ว
   ลูกเรือผีแห่งไซเรนจ์ แมรี่ขึ้นมายังเรือโจรสลัดเก่าๆค้นหาแจ็ค สแปโร่แต่ก็ไม่พบจึงทรมาณคนที่เพิ่งถูกโยนตำแหน่งกัปตันให้หมาดๆซะอ่วม 
   "มันอยู่นั่น" ลูกเรือเหลือบไปเห็นเรือบดเล็กๆที่พายออกไปได้ไม่ไกลจึงร้องขึ้นพร้อมชี้นิ้วไปยังเรือบดนั่นเป็นการบอกทิศ
   "ปล่อยฉลาม-!!!" ซาลาซาร์ตะโกนสั่งลูกเรือ เมื่อกัปตันออกคำสั่งเหล่าลูกเรือก็ไม่อยู่เฉยวิ่งกันเป็นพัลวัน ช่วยกันลากซากฉลามลงทะเลไปด้วยความคล่องแคล่วว่องไว
   ซากฉลามจมลงน้ำดวงตาที่ปิดอยู่เปิดขึ้น มันกระโจนพุ่งขึ้นเหนือน้ำแล้วมุ่งไปยังแจ็ค สแปโร่ที่นั่งอยู่บนเรือบดพร้อมเฮนรี่และคาริน่า
  ทั้งสามแยกเรือบดออกกันมาได้ซักพัก เฮนรี่ที่ต้องพายเรืออยู่คนเดียวรู้สึกเหนื่อยจึงหยุดพาย "เจ้าหยุดพายทำไม-!" สแปโร่ร้องลั่นนั่งไม่ติดกับเรือ
   "ก็ข้าเหนื่อย เจ้าไม่ช่วยข้าพายเลย" เฮนรี่บ่น "แล้วเจ้าจะไปไหน" สายตาฉงนมองคาริน่าที่ขึ้นไปยืนขอบเรือ 
   "ถึงจ้าจะไม่เชื่อเรื่องผีแต่ข้าก็ไม่ยอมตายหรอก-!" ไม่ว่าเปล่าระหว่างพูดเจ้าหล่อนก็ถอดเสื้อที่พะรุงพะรังทิ้งไปเหลือไว้แต่ชุดชั้นในแล้วกระโดดลงทะเลว่ายขึ้นเกาะที่เห็นอยู่ไม่ไกลไป
   "ข้าเห็นส่วนนั้นของนาง" เฮนรี่ไม่ปิดน้ำเสียงตื่นเต้น
   "ถ้าเจ้าหุบปากเจ้าจะได้เห็นมากกว่านี้อีก เอาล่ะรีบพายไปได้แล้ว" สแปโร่รีบเตือนสติเฮนรี่ว่ายังมีฉลามว่ายตามอยู่ข้างหลัง
   ซากฉลามตัวแรกพุ่งเข้าชนเรือทำให้เรือโคลงเคลง เฮนรี่จึงใช้ไม้พายในมือฟาดใส่ฉลามที่กำลังว่ายเข้ามาใกล้ ดูท่าท่างมันจะไม่ยอมให้ถูกฟาดมันเลยกระโดดกัดไม้พายกระจุย
   "เอาเป็นว่าข้าจะรอพวกปลาเน่านี่ไว้ เจ้ารีบว่ายขึ้นฟังไปซะ" สแปโร่ถีบเฮนรี่ตกทะเลเสร็จก็รีบหาสิ่งของที่จะล่อฉลามเอาไว้ ร่างที่เหลืออยู่คนเดียวหันไปเจอสมอที่วางไว้กับพื้นเรือจึงโยนลงทะเลเพื่อเบนความสนใจฉลาม 
   เป็นดังที่คาดฉลามที่ว่ายรอเรือหันไปสนใจสิ่งที่ตกทะเลมา สแปโร่รีบเตรียมกระโดดลงว่ายไปยังเกาะแต่เท้าเจ้ากรรมดันทะลุพื้นเรือเก่าๆผุๆซะได้ครั้นจะเอาออกก็ไม่ออก
   เสียงว่ายน้ำของเฮนรี่เรียกฉลามเน่าที่สนใจสมออยู่ มันจึงว่ายพุ่งด้วยความเร็วไปยังเฮนรี่ทั้งๆที่สมอยังคงคาบไว้ในปากที่มีคมเขี้ยวแหลม
   "บ้าฉิบ" สแปโร่สบถขึ้น เมื่อสมอเรือในปากฉลามที่ว่ายไปยังเฮนรี่ทำให้เรือพุ่งเร็วขึ้นพร้อมกระชากร่างสแปโร่ไปตามๆกัน 
   เฮนรี่ที่ตั้งหน้าตั้งว่ายน้ำอยู่หันมามองด้วยความตกตะลึง โชคดีที่สัญชาตญาณทำให้เฮนรี่เอี้ยวหลบฉลามที่กระโจนเข้าใส่ทัน แจ็ค สแปโร่ที่ติดอยู่บนเรือดึงเฮนรี่ขึ้นมาบนเรือด้วยความเร็วของฉลามทำให้ทั้งสองขึ้นมานอนเกยที่ชายหาดเพียงชั่วอึดใจโดนมีคาริน่านอนหอบอยู่ก่อนแล้ว
   ซาลาซาร์ทุบมือใส่ขอบเรือด้วยความเกรี้ยวกราดแต่ลึกๆไม่ได้มีเพียงแค่ความเกรี้ยวกราดเท่านั้นยังมีความรู้สึกโหยหาอีกด้วยแต่เจ้าตัวสะกดมันไม่ให้แสดงออกมา 
   "คงถึงตาพวกเราต้องจัดการเองเสียแล้ว" ซาลาซาร์ยกยิ้ม กัปตันผีชาวสเปนชี้นิ้วไปยังเกาะแล้วกระโดดลงทะเลไปโดยมีลูกเรือสิบกว่าตนซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเลซาโรตามไปด้วย ร่างผีทหารเรือวิ่งกันอย่างบ้าคลั่งใต้พื้นน้ำมุ่งไปยังเกาะ
   ร่างชายสองหญิงหนึ่งที่นอนอเนจอนาถยกหัวขึ้นมองไปยังทะเลเมื่อเสียงน้ำทะเลที่ซัดมากระทบหาดเสียงแปลกไป ความเหนื่อยล้าที่ฉายผ่านแววตาเปลี่ยนเป็นความตื่นตกใจ
   "แจ็ค สแปโร่~" ซาลาซาร์เรียกสแปโร่ด้วยน้ำเสียงแหบสูงชวนให้ความรู้สึกสยิวแปลกๆซ้ำเดิมอยู่สองสามรอย เลซาโรที่ยืนอยู่อยู่ด้านหลังใบหน้าบึ้งตึงอย่างเฉียบพลันและดูเหมือนสแปโร่ก็สังเกตุเห็นใบหน้าของร้อยโทเหมือนกัน
   "สเปน?" สแปโรเอียงคอมอง โอ๊ เจ้าปากนิ่มที่ข้าเคยจูบต่อหน้ากัปตันซาลาซาร์นี่นา อยากจูบด้วยอีกครั้งแหะ สแปโร่คิดในใจพร้อมลอบเลียมุมปาก
   ร่างผีทหารเรือนับสิบเดินมาทางชายหาด ทั้งสามรีบตะเกียกตะกายหลายร่างตนเองให้ไกลขอบทะเลมากที่สุด ในวินาทีที่ผีทหารเรือซึ่งเร็วกว่าทุกร่างเหยียบพื้นดินร่างก็สลายเป็นผุยผงปลิวไปกับสายลมทันที ทำให้ซาลาซาร์และลูกเรือที่เหลือชะงักโดยไม่ต้องร้องบอก
   "ผี ผี ผี๊---" คาริน่าที่ดูเหมือนสติแตกไปแล้วกรีดร้องเสียงดังรีบวิ่งเข้าดงป่าไม่ไกลชายหาดแบบไม่รอใคร เฮนรี่ก็ไปปล่อยให้หญิงที่หมายตาไว้ต้องไปคนเดียวจึงรีบตามไปติดๆเลยเหลือสแปโร่อยู่ที่ชายหาดลำพังกับผีทหารเรือ
   "ดูถ้าพวกเจ้าขึ้นบกไม่ได้นะ หึๆๆ" สแปโร่ยืนเซไปเซมาอยู่นานกว่าจะทรงตัวไป "งั้นข้าขอเผ่นก่อนล่ะ" เจ้าตัวดียิ้มทะเล้นให้ซาลาซาร์พร้อมหันหน้าไปทางป่าที่จะวิ่งไป
   "เดี๋ยวๆๆ" ซาลาซาร์ใช้ดาบที่พยุงร่างกวักเรียกสแปโร่เมื่อเห็นอีกฝ่ายวิ่งออกไป สแปโร่ได้ยินแต่ไม่หันไปเลยส่ายหน้าไปมาน้อยๆระหว่างวิ่ง
   "สแปโร่" ซาลาซาร์เปลี่ยนน้ำเสียงให้กลับมาตามปกติเรียกให้สแปโร่หยุดวิ่งเหยาะๆด้วยท่าทางน่าถีบหันมามอง "ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องออกทะเล"
   สแปโร่กับเลซาโรพร้อมใจกันขมวดคิ้ว "ข้าจะรอเจ้าอยู่ในทะเล" ประโยคสุดท้ายของซาลาซาร์กล่าวด้วยความทุ้มนุ่มระคนอ่อนโยนกระจ่างข้อสงสัยให้ทั้งสอง เลซาโรที่น้อยครั้งจะได้รับคำพูดที่น้ำเสียงแบบนี้บ้างฉายใบหน้าบึ้งตึงยิ่งกว่าเก่า เสียงกัดฟันกึดๆทำให้ร่างผีที่อยู่ใกล้ๆสัมผัสได้เหมือนรังสีความโกรธที่แผ่ออกมา
   "เออะ เอ่อ..." พอเห็นสีหน้าเลซาโรแล้วสแปโร่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อได้แต่อ้ำๆอึ้งๆสุดท้ายจึงตัดสินใจวิ่งตามเฮนรี่และคาริน่าที่เข้าป่าไปก่อน
   ซาลาซาร์มองแผ่นหลังโจรสลัดกระล่อนจนหายเข้าป่าทึบ ถ้าไม่ติดที่ขึ้นฝั่งไม่ได้ตนก็คิดตามอีกฝ่ายไปเช่นกัน ซาลาซาร์รู้สึกแปลกใจกับความคิดลึกๆของตนจึงสบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่าน
   "ร้อยโท... ร้อยโท-!" ลูกเรือไซเรนจ์ แมรี่เขย่าไหล่ร่างที่กำลังเหม่อให้ได้สติ "กัปตันสั่งกลับเรือแล้ว" เจ้าตัวเอนกายหลบเล็กน้อยเพื่อให้เห็นซาลาซาร์และลูกเรือคนอื่นๆเดินไปได้ไกล 
   "อืม..." เลซาโรตอบกลับด้วยน้ำเสียงหดหู่ก่อนจะย้ายร่างกลับเรือตามไป

TBC


 
  
  
  
  
  
  
  
  
  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

FanFic : Pirates of the Caribbean : Dead Men Tell No Tales : 01

FanFic : วิทูร เชียร [พระเจ้า & สาวก ]

FanFic : witchking of angmar and mouth of sauron 01