BrotherS : บทที่4 โรงเรียน
เวลาเจ็ดนาฬิกาสี่สิบเจ็ดนาทีเสียงมาร์ชประจำโรงเรียนดังขึ้นเพื่อบอกให้นักเรียนเตรียมตัวเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าเสาธง ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เหล่านักเรียนเข้าแถวกันในโดมไม่ต้องทนร้อนแต่เฉพาะมัธยมต้นเท่านั้นล่ะนะ มัธยมปลายก็ต้องยืนอาบแดดอย่างมีความสุก(?)กลางสนามบาสตามธรรมเนียม
"ร้อนชิบหาย แม่งเอ๊ย แค่เปิดเทอมวันแรกก็จะตายอยู่แล้ว" ภูผาบ่นอย่างหงุดหงิด มือขวายกขึ้นกันแดดที่ส่องมาแยงตา "มะเร็งแดกแน่กู"
"นายภูผาเลิกบ่นเป็นผู้หญิงได้แล้ว คำพูดคำจาก็ให้มันดีเสียด้วย เด็กอะไรไร้มารยาทสิ้นดี"ร่างค่อนไปทางท้วม ผมหยิกเป็นลอนพร้อมไฝใต้ตาซ้ายจ้องภูผาเขม็ง เสียงดุดังลั่นแถวเรียกความสนใจพร้อมเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างมากมายไม่วายมือคนตรงหน้าเลื่อนมาบิดที่หัวนมภูผาด้วยความชำนาญจนภูผาต้องร้องลั่น "อย่าทำพฤติกรรมอย่างนี้อีกไม่งั้นครูต้องเรียกผู้ปกครองนายมาคุยแน่นายภูผา"ครูสมศรีมนุษย์ป้าประจำโรงเรียนควบตำแหน่งครูประจำชั้นของเบิกฟ้าและภูปากล่าวเสร็จก็ดึงร่มขนาดพกพาในกระเป๋าสะพายขึ้นมากลางบังแดด
กว่าครูโลกสวยจะพูดหน้าเสาธงเสร็จนักเรียนที่ยืนตากแดดก็พากันเกรียมจนได้ที่จึงแยกย้ายกันขึ้นห้องเรียนเสียที
เบิกฟ้าและภูผาเดินมาหยุดหน้าห้องหกทับหนึ่งแผนวิทย์คณิตหนี่งในแผนที่นักเรียนเลือกลงกันเยอะมากเป็นพิเศษเพราะไม่ต้องเดินเรียนให้เมื่อยขาเหมือนแผนอื่นๆ
"ขอโทษนะตรงนี้มีคนนั่งยัง"เสียงหวานใสเรียกให้เบิกฟ้าแหงนหน้าขึ้นมามอง คนตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจันทรา ดาวประจำโรงเรียน
"ว่างครับว่าง" ภูปาที่นั่งด้านขวาเบิกฟ้าชิงตอบทันทีเพราะโต๊ะเรียนจะจัดให้เป็นสามตัวต่อแถวทำให้เหลือที่ว่างอีกหนึ่งทางด้านซ้ายของเบิกฟ้า
"ขอบคุณ" จันทราวางกระเป๋านักเรียนและนั่งอย่างสบายอารมณ์ "อ้อ เราชื่อจันทรานะ ส่วนนายคือ...?" จันทรามองหน้าเบิกฟ้าที่นั่งข้างๆ
"เอ่อ...เบิกฟ้า" เจ้าตัวตอบอย่างอายๆ
"นี่ๆ ไม่ถามเรามั้งหรอ"เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่โดนถามชื่อจึงยื่นหน้าไปถามพร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัว
"เชี่ยภูผา อย่าเบียดกูดิหว่ะ"คนโดนเบียดบ่นอย่างรำคาญไม่ว่าเปล่าก็เอาทั้งมือทั้งเท้าดันภูผาให้กลับไปที่เดิม
จันทรามองทั้งสองอย่างขำๆ "เราจะถามชื่อนายทำไมล่ะภูผาก็เมื่อเช้าครูสมศรีเพิ่งบอกไปเองนี้ และหัวนมหายเจ็บยังล่ะโดนบิดซะขนาดนั้น" แม่สาวเปียคู่หัวเราะอย่างสดใสร่าเริงเป็นกันเองจนนักเรียนชายที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นหน้าแดงกันเป็นแถวยกเว้นสองเพื่อนเกลอที่ได้แต่หัวเราะตามอย่างตลกขบขัน"จริงสิคือเราไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่เราอยู่กลุ่มเดียวกับพวกนายได้ไหม" จันทราถามเสียงเรียบ
"ไม่มีปัญหาอยู่ด้วยกันเยอะๆสนุกดี"เบิกฟ้าหันมาตอบโดนไม่คิดอะไรมาก
ทั้งสามคนคุยกันอย่างสนุกสนานโดยไม่ทันสังเกตุว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมาที่พวกตนอยู่
"ดูอีผีนั่นสิ อ่*ยผู้ชายอีกแล้ว แsดจริงๆ"
"กรี่มากอีผี"
"ตอนเที่ยงดักตบหลังห้องน้ำแม่ม"
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับคนที่เรียนอยู่ในระดับปานกลางอย่างเบิกฟ้าและจันทรา แต่สำหรับภูผาที่หลับตั้งแต่คาบแรกยันคาบสุดท้ายตอนเช้ามันรวดเร็วมากเผลอไม่นานออดพักกลางวันก็ดังขึ้นเสียแล้ว
พวกเบิกฟ้าเลือกที่จะซื้ออาหารออกมาข้างนอกแล้วมานั่งใต้ต้นไทร สถานที่ยอดนิยมสำหรับนักเรียนที่เลือกทานอาหารนอกโรงอาหารเพราะมีร่มเงาให้หลบแดดได้อย่างดีในตอนกลางวันจึงเป็นที่หมายปองจนเกิดการทะเลาะเพื่อแย่งกันอยู่บ่อยครั้ง
"เฮ๊ย-กูว่าพวกเราลืมอะไรบ้างอย่างหว่ะ"เมื่อเห็นว่าโต๊ะที่นั่งอยู่ดูโล่งๆภูผาจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าแก้มกระตุกเล็กน้อยเรียกความฉงนให้เพื่อนทั้งสองได้ไม่เบา
"ลืมไรอ่ะ ตังค์ทอนหรอ" จันทราถามขึ้น
"ไม่ใช่ เราลืมชื้อน้ำ..." เบิกฟ้าเฉลยขึ้นทันที "มึงไปซื้อน้ำกับกูซะภูผา ส่วนจันทราเราฝากจองที่ไว้ก่อนนะ"
"อืม เราเอาน้ำเปล่านะ" จันทราส่งเหรียญห้าให้ภูผา
"ออเคร งั้นรอแปป เดี๋ยวพวกเรามา"ภูผากล่าวเสร็จก็โดนเบิกฟ้าลากกลับไปที่โรงอาหารทันที
"ไง แม่คุณดาวโรงเรียน ไม่มีปัญญาไปซื้อเองรึไง ถึงได้อ่*ยให้ผู้ชายไปซื้อให้" เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากโต๊ะข้างหลังเมื่อเห็นว่าจันทราไม่ตอบกลับจึงรู้สึกคันไม้คันมืออย่างบอกไม่ถูก
"อ้อ ไม่ตอบงี้แสดงว่าเป็นเป็นใบ้สินะ ขาดความอบอุ่นจากครอบครัวหรอ" คำยอดฮิตที่เห็นบ่อยๆตามเฟสหลุดมาจากเสียงผู้หญิงอีกคน
"หน็อย เงียบแบบนี้หยิ่งเรอะยัยแsด คิดว่าเป็นดาวแล้วจะอยู่เหนือกว่าพวกเราสินะ" เสียงที่สามดังขึ้นพร้อมดึงผมเปียจันทราอย่างแรง เสียงกรรไกรดังขึ้นจากด้านหลังทำให้จันทราเริ่มวิตก "ผมสวยนักนะอย่ามีเลยละกัน"
'ลูกรู้ไหมผมของลูกได้มาจากแม่นะ' เสียงทุ้มดังขึ้นในสมองของจันทรา 'ลูกคือตัวแทนของแม่สำหรับพ่อ กล่องดวงใจของพ่อ'
ไม่รอให้กรรไกรแหลมได้เฉียดเส้นผมสุดรักสุดหวง จันทรารีบหมุนตัวกลับและประเคนหมัดหนักๆใส่จมูกคนด้านหลังทรุดพิงเก้าอี้ไม่พอแค่นั้นจันทราก็ยกเท้าพุ่งใส่ใบหน้านังตัวดีทันที
'พ่อไม่อยากให้ลูกทำร้ายใครนะจันทราไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม' จันทรากัดฟันกรอดเบี่ยงเท้าออกเล็กน้อยเฉียดหน้าคนที่มาหาเรื่องไปนิดเดียว โชคดีที่จันทราใส่กางเกงซับในมาไม่งั้นคงได้เห็นอะไรขาวๆแวบออกมาเป็นแน่
นักเรียนที่อยู่แถวนั้นรีบวิ่งไปเรียกครูที่ยืนเวรอยู่ไม่ไกลจนครูต้องรีบวิ่งมาห้ามมวยอย่างเร่งรีบ "นักเรียน หยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่าทะเลาะกันสิ"ครูพละวัยสามสิบต้นๆรีบเป็นกรรมการห้ามมวยทันทีแต่หญิงสาวสามคนที่มาหาเรื่องไม่ยอมหยุดเสียทีจันทราไม่น้อยหน้าก็ตอบโต้กลับไปเช่นกันจนครูฝ่ายปกครองเดินมาพร้อมกระบี่ด้วยใบหน้าบึ้งตึงอย่างน่าหวั่นใจ
"พวกเธอ-!!!เชิญกันที่ห้องปกครอง" และแล้วนักเรียนหญิงทั้งสี่คนก็โดนจัดส่งไปที่ห้องปกครองแอร์เย้นมว๊ากอย่างรวดเร็วพร้อมโทรหาผู้ปกครองโดยไม่ฟังคำขอว่าอย่าโทรเลยแม้แต่นิด
"เอ่อ...ครูไมตรีครับเกิดอะไรขึ้นหรอครับ" เบิกฟ้าส่งเสียงเรียกครูพละหนุ่มประจำมัธยมปลายสายตากวาดมองบริเวณโต๊ะกินข้าวที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเศษอาหารกระจายเกลื่อนหนำซ้ำยังไม่เห็นจันทราอีก
"อ๋อ เมื่อกี้มีนักเรียนหญิงตบตีกันน่ะตอนนี้ไปอยู่ที่ห้องปกครองแล้วล่ะ" ไมตรีเกาแก้มเบาๆพร้อมมองสีหน้าอึ้งของเบิกฟ้ากับภูผาอย่างขำ
"พวกเธอไปกินข้าวเถอะ ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว"
'ไม่มีอะไรได้ไง อาหารกลางวันของพวกผมกองกับพื้นอยู่นี่ไงครับ' ภูผาบ่นในใจ
จวบจนคาบสุดท้ายของวันจันทราก็ยังไม่ได้ขึ้นห้องเรียนมาเรียนซักคาบ เบิกฟ้ากับภูผาจึงช่วยกันเก็บของใต้โต๊ะใส่กระเป๋านักเรียนแล้วนำไปให้จันทรา ระหว่างเก็บอยู่นั้นมือจอมซุ่มซ่ามของภูผาได้ปัดไปโดนกระเป๋านักเรียนจันทราจนของที่อยู่ข้างในกระจายเกลื่อนออกมาชมโลกภายนอก
"มึงนี่หาเรื่องตลอดไอ้ภูผา"เบิกฟ้าบ่นเพื่อนซี้ฉอดๆขณะเก็บของที่เทออกมา
"เออน่าอย่าบ่นให้มาก"ระหว่างที่เก็บอยู่นั้นสายตาของภูผาได้ไปสะดุดกับหนังสือการ์ตูนเล่มนึง "เก็บรักจากใจของจอมทรราช"ภูผาอ่านชื่อเรื่องเบาๆ
เบิกฟ้าหันมากำข้อมือภูผาที่กำลังจะเปิดหนังสือที่น่าปกเป็นรูปของเรือนร่างอ่อนหวานในสภาพนุ่งนอนชิดโอบกอดร่างในชุดเครื่องแบบทหารที่เต็มไปด้วยเลือด ภูผาแหงนหน้ามองเบิกฟ้าที่ส่ายหน้าไปมาช้าๆ
"มึงเชื่อกู มึงอย่าอ่าน เรื่องนี้กูเคยโดนมาแล้ว" เบิกฟ้าสบตาภูผา แล้วหยิบหนังสือเล่มนั้นใส่กระเป๋าของจันทราอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียงภูผาถอนหายใจออกมาเบาๆ
"กูรู้หน่า จันทราเขาเป็นสาววาย กูส่องมา เจอมาเยอะกว่าที่มึงคิด" ภูผาตบไหล่เบิกฟ้าเบาๆก่อนจะคว้ากระเป๋าคนที่ไม่อยู่เดินออกไปโดนมีเบิกฟ้าตามไปติดๆเช่นกัน
"เดี๋ยวก่อนนายเบิกฟ้ามาทีโต๊ะครูนี่สิ"ครูสมศรีเสียงเบิกฟ้าที่กำลังจะออกจากห้อง
"งั้นกูไปก่อนนะเพื่อนยาก"ว่าเสร็จภูผาก็รีบสาวเท้าออกไปทันทีโดยมีเสียงทิ้งหายมาไกลๆว่า โชคดีนะเพื่อน
เบิกฟ้าเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะครูสมศรีหลังห้องก่อนจะลดตัวลงไปนั่งจ๋องกับพื้นโดยที่ข้างๆมีนักเรียนชายอีกคนนั่งอยู่ใกล้ๆตน
"พวกเธอรู้ใช่ไหมว่านี่คือโรงเรียนเอกชนที่ค่าเทอมแพงหูฉี่" สมศรีมองนักเรียนทั้งสองเขม็ง
"นายทิวสนในสมุดพกทำไมเธอไม่กรอกอาชีพของผู้ปกครองห๊ะ" สายตาพิฆาตจ้องที่คนร่างเล็กเรียกอาการตกใจได้ไม่น้อย "แบบนี้ครูจะรู้ได้ไงว่าอาชีพที่บ้านเธอจะไม่เป็นปัญหาต่อค่าเทอม"ทิวสนได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่ตอบ คราวนี่สมศรีเบนสายตามายังเบิกฟ้าบ้าง "ในนี้เขียนว่าแม่เป็นผู้ปกครองได้ข่าวว่าเสียหมดแล้วนี่จะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายค่าเทอม" เบิกฟ้าได้แต่กัดฟันก้มหน้าเหมือนทิวสน จะให้บอก
ยังไงล่ะว่าพี่อรุณไม่ยอมรับ คุณพ่อเลยไม่ได้ลงชื่อเป็นผู้ปกครองน่ะ อีกอย่างยังไม่ได้ถามพี่อรุณเลยด้วยว่าจะยอมเป็นผู้ปกครองให้รึเปล่า
"เอาแบบก้มหน้าก้มตาแบบนี้จะได้เรื่องไหมห๊ะ" สมศรีตบโต๊ะดังปั๊งทำให้ทิวสนผวามากกว่าเดิม"กลับบ้านไปได้แล้ว พรุ่งนี้ก็หาคำตอบมาด้วย" สมศรีเหลือบมองนาฬิกาเมื่อเห็นว่าห้าโมงกว้าแล้วจึงรีบไล่นักเรียนชายทั้งสองให้กลับบ้านไป
ระหว่างลงบันไดมาถึงชั้นสุดท้ายเบิกฟ้าดันไปเจอเข้ากับครูไมตรีเข้าระหว่างทาง
"นี่ก็เย็นแล้วนะ ไม่กลับบ้านหรอ"
"เอ่อ...กำลังจะกลับครับครูไมตรี"
"งั้นให้ครูไปส่งที่บ้านไหมล่ะ ระวังรถเมล์หมดแล้วกลับบ้านไม่ได้นะเบิกฟ้า" ไมตรีถามอย่างร่าเริง
"ก็ได้ครับ" เพราะด้วยความที่รู้จักกันมานานและสนิทอยู่ระดับนึงเบิกฟ้าจึงยอมตกลง
รถยนต์ป้ายแดงสีดำเคลื่อนมาจอดรอรับเบิกฟ้าที่หน้าอาคารประชาสัมพันธ์ก่อนจะขับออกมาช้าๆแล้วติดอยู่ก่อนถึงหน้าประตูโรงเรียนรอเลี้ยวออกไปทางซ้าย ด้วยการที่ห้องปกครองตั้งอยู่ที่หน้าประตูพอดี เบิกฟ้าเลยหันไปดูจึงยังเห็นจันทราและนักเรียนหญิงอีกสามคนนั่งดันอยู่ข้างในพร้อมผู้ปกครองโดยก้มหน้าก้มตาไม่มองครูฝ่ายปกครองที่ตอนนี้กำลังเดือดจนอาจพ่นไฟได้
สายตาเบิกฟ้าเพ่งไปยังผู้ปกครองของจันทราเพราะใบหน้านั้นช่างคุ้นเคยเหมือนเห็นที่ไหนมาก่อนจนนึกได้ว่าคือไอ้วิตถารที่คิดแอ้มอรุณตอนอยู่งานศพนั่นเอง เบิกฟ้ามองไปที่รุ่งโรจน์ไม่ละสายตากว่าจะละสายตาได้ก็ตอนที่รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากโรงเรียน
'โลกกลมจริงๆ' เบิกฟ้าคิดเงียบๆในใจ
เวลาล่วงเลยไปถึงหกโมงเย็นกว่าๆครูฝ่ายปกครองจึงยอมปล่อยตัวนักเรียนหญิงทั้งสี่ออกมา หน้าตาแต่ละคนดูสลดไม่ใช่น้อย ฝ่ายที่เป็นคนเริ่มก่อนโดนคาดโทษว่าถ้ามีเรืาองอีกครั้งจะถูกพักการเรียน ฝ่ายที่โดนหาเรื่องอย่างจันทรานับโทษเป็นการถอดออกจากตำแหน่งดาวโรงเรียน
"ตำแหน่งงี่เง่านั่นไม่เป็นอยากเป็นเลย" สาวผมเปียบ่นงึมงำอยู่บนรถยนต์เบนหน้าออกนอกหน้าต่าง สัมผัสจากมือใหญ่ลงมาประทับที่ผมของจันทราพร้อมมอบรอยยิ้มอบอุ่นให้
"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ไม่น่ารักเลยนะ" ผู้เป็นพ่อลูบผมลูกสาวเบาๆ
"เอ่อ...คุณพ่อมีนัดทานข้าวกับเด็กในสังกัดนี่ ไม่รีบไปจะดีหรอ" จันทราแหงนหน้าถามรุ่งโรจน์จันทรารู้มานานแล้วว่าตั้งแต่แม่เสียไปก็ไม่เห็นสนใจผู้หญิงอื่นอีกแต่เปลี่ยนมาเป็นผู้ชายแทน ถึงกระนั้นรุ่งโรจน์ก็ไม่เคยลืมที่จะให้ความสำคัญกับจันทรา รุ่งโรจน์มักบอกเสมอว่า'ในดวงใจของพ่อตอนนี้มีแต่ลูกเท่านั้น'เป็นประจำ เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้จึงไปสะกิดต่อมสาววายของจันทราที่หลับอยู่ให้ตื่นขึ้นกลายเป็นสาววายสายจัดเต็ม
รุ่งโรจน์ยิ้มตอบจันทรา "ค่อยนัดใหม่ก็ได้ เวลานี้ต้องอยู่กับลูกน่ะถึงจะถูกต่างหาก ยัยตัวแสบ" ผมบนหัวจันทราถูกขยี้จนยุ่งด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"ร้อนชิบหาย แม่งเอ๊ย แค่เปิดเทอมวันแรกก็จะตายอยู่แล้ว" ภูผาบ่นอย่างหงุดหงิด มือขวายกขึ้นกันแดดที่ส่องมาแยงตา "มะเร็งแดกแน่กู"
"นายภูผาเลิกบ่นเป็นผู้หญิงได้แล้ว คำพูดคำจาก็ให้มันดีเสียด้วย เด็กอะไรไร้มารยาทสิ้นดี"ร่างค่อนไปทางท้วม ผมหยิกเป็นลอนพร้อมไฝใต้ตาซ้ายจ้องภูผาเขม็ง เสียงดุดังลั่นแถวเรียกความสนใจพร้อมเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างมากมายไม่วายมือคนตรงหน้าเลื่อนมาบิดที่หัวนมภูผาด้วยความชำนาญจนภูผาต้องร้องลั่น "อย่าทำพฤติกรรมอย่างนี้อีกไม่งั้นครูต้องเรียกผู้ปกครองนายมาคุยแน่นายภูผา"ครูสมศรีมนุษย์ป้าประจำโรงเรียนควบตำแหน่งครูประจำชั้นของเบิกฟ้าและภูปากล่าวเสร็จก็ดึงร่มขนาดพกพาในกระเป๋าสะพายขึ้นมากลางบังแดด
กว่าครูโลกสวยจะพูดหน้าเสาธงเสร็จนักเรียนที่ยืนตากแดดก็พากันเกรียมจนได้ที่จึงแยกย้ายกันขึ้นห้องเรียนเสียที
เบิกฟ้าและภูผาเดินมาหยุดหน้าห้องหกทับหนึ่งแผนวิทย์คณิตหนี่งในแผนที่นักเรียนเลือกลงกันเยอะมากเป็นพิเศษเพราะไม่ต้องเดินเรียนให้เมื่อยขาเหมือนแผนอื่นๆ
"ขอโทษนะตรงนี้มีคนนั่งยัง"เสียงหวานใสเรียกให้เบิกฟ้าแหงนหน้าขึ้นมามอง คนตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจันทรา ดาวประจำโรงเรียน
"ว่างครับว่าง" ภูปาที่นั่งด้านขวาเบิกฟ้าชิงตอบทันทีเพราะโต๊ะเรียนจะจัดให้เป็นสามตัวต่อแถวทำให้เหลือที่ว่างอีกหนึ่งทางด้านซ้ายของเบิกฟ้า
"ขอบคุณ" จันทราวางกระเป๋านักเรียนและนั่งอย่างสบายอารมณ์ "อ้อ เราชื่อจันทรานะ ส่วนนายคือ...?" จันทรามองหน้าเบิกฟ้าที่นั่งข้างๆ
"เอ่อ...เบิกฟ้า" เจ้าตัวตอบอย่างอายๆ
"นี่ๆ ไม่ถามเรามั้งหรอ"เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่โดนถามชื่อจึงยื่นหน้าไปถามพร้อมชี้นิ้วเข้าหาตัว
"เชี่ยภูผา อย่าเบียดกูดิหว่ะ"คนโดนเบียดบ่นอย่างรำคาญไม่ว่าเปล่าก็เอาทั้งมือทั้งเท้าดันภูผาให้กลับไปที่เดิม
จันทรามองทั้งสองอย่างขำๆ "เราจะถามชื่อนายทำไมล่ะภูผาก็เมื่อเช้าครูสมศรีเพิ่งบอกไปเองนี้ และหัวนมหายเจ็บยังล่ะโดนบิดซะขนาดนั้น" แม่สาวเปียคู่หัวเราะอย่างสดใสร่าเริงเป็นกันเองจนนักเรียนชายที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นหน้าแดงกันเป็นแถวยกเว้นสองเพื่อนเกลอที่ได้แต่หัวเราะตามอย่างตลกขบขัน"จริงสิคือเราไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่เราอยู่กลุ่มเดียวกับพวกนายได้ไหม" จันทราถามเสียงเรียบ
"ไม่มีปัญหาอยู่ด้วยกันเยอะๆสนุกดี"เบิกฟ้าหันมาตอบโดนไม่คิดอะไรมาก
ทั้งสามคนคุยกันอย่างสนุกสนานโดยไม่ทันสังเกตุว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมาที่พวกตนอยู่
"ดูอีผีนั่นสิ อ่*ยผู้ชายอีกแล้ว แsดจริงๆ"
"กรี่มากอีผี"
"ตอนเที่ยงดักตบหลังห้องน้ำแม่ม"
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับคนที่เรียนอยู่ในระดับปานกลางอย่างเบิกฟ้าและจันทรา แต่สำหรับภูผาที่หลับตั้งแต่คาบแรกยันคาบสุดท้ายตอนเช้ามันรวดเร็วมากเผลอไม่นานออดพักกลางวันก็ดังขึ้นเสียแล้ว
พวกเบิกฟ้าเลือกที่จะซื้ออาหารออกมาข้างนอกแล้วมานั่งใต้ต้นไทร สถานที่ยอดนิยมสำหรับนักเรียนที่เลือกทานอาหารนอกโรงอาหารเพราะมีร่มเงาให้หลบแดดได้อย่างดีในตอนกลางวันจึงเป็นที่หมายปองจนเกิดการทะเลาะเพื่อแย่งกันอยู่บ่อยครั้ง
"เฮ๊ย-กูว่าพวกเราลืมอะไรบ้างอย่างหว่ะ"เมื่อเห็นว่าโต๊ะที่นั่งอยู่ดูโล่งๆภูผาจึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าแก้มกระตุกเล็กน้อยเรียกความฉงนให้เพื่อนทั้งสองได้ไม่เบา
"ลืมไรอ่ะ ตังค์ทอนหรอ" จันทราถามขึ้น
"ไม่ใช่ เราลืมชื้อน้ำ..." เบิกฟ้าเฉลยขึ้นทันที "มึงไปซื้อน้ำกับกูซะภูผา ส่วนจันทราเราฝากจองที่ไว้ก่อนนะ"
"อืม เราเอาน้ำเปล่านะ" จันทราส่งเหรียญห้าให้ภูผา
"ออเคร งั้นรอแปป เดี๋ยวพวกเรามา"ภูผากล่าวเสร็จก็โดนเบิกฟ้าลากกลับไปที่โรงอาหารทันที
"ไง แม่คุณดาวโรงเรียน ไม่มีปัญญาไปซื้อเองรึไง ถึงได้อ่*ยให้ผู้ชายไปซื้อให้" เสียงผู้หญิงดังขึ้นจากโต๊ะข้างหลังเมื่อเห็นว่าจันทราไม่ตอบกลับจึงรู้สึกคันไม้คันมืออย่างบอกไม่ถูก
"อ้อ ไม่ตอบงี้แสดงว่าเป็นเป็นใบ้สินะ ขาดความอบอุ่นจากครอบครัวหรอ" คำยอดฮิตที่เห็นบ่อยๆตามเฟสหลุดมาจากเสียงผู้หญิงอีกคน
"หน็อย เงียบแบบนี้หยิ่งเรอะยัยแsด คิดว่าเป็นดาวแล้วจะอยู่เหนือกว่าพวกเราสินะ" เสียงที่สามดังขึ้นพร้อมดึงผมเปียจันทราอย่างแรง เสียงกรรไกรดังขึ้นจากด้านหลังทำให้จันทราเริ่มวิตก "ผมสวยนักนะอย่ามีเลยละกัน"
'ลูกรู้ไหมผมของลูกได้มาจากแม่นะ' เสียงทุ้มดังขึ้นในสมองของจันทรา 'ลูกคือตัวแทนของแม่สำหรับพ่อ กล่องดวงใจของพ่อ'
ไม่รอให้กรรไกรแหลมได้เฉียดเส้นผมสุดรักสุดหวง จันทรารีบหมุนตัวกลับและประเคนหมัดหนักๆใส่จมูกคนด้านหลังทรุดพิงเก้าอี้ไม่พอแค่นั้นจันทราก็ยกเท้าพุ่งใส่ใบหน้านังตัวดีทันที
'พ่อไม่อยากให้ลูกทำร้ายใครนะจันทราไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม' จันทรากัดฟันกรอดเบี่ยงเท้าออกเล็กน้อยเฉียดหน้าคนที่มาหาเรื่องไปนิดเดียว โชคดีที่จันทราใส่กางเกงซับในมาไม่งั้นคงได้เห็นอะไรขาวๆแวบออกมาเป็นแน่
นักเรียนที่อยู่แถวนั้นรีบวิ่งไปเรียกครูที่ยืนเวรอยู่ไม่ไกลจนครูต้องรีบวิ่งมาห้ามมวยอย่างเร่งรีบ "นักเรียน หยุดเดี๋ยวนี้นะ อย่าทะเลาะกันสิ"ครูพละวัยสามสิบต้นๆรีบเป็นกรรมการห้ามมวยทันทีแต่หญิงสาวสามคนที่มาหาเรื่องไม่ยอมหยุดเสียทีจันทราไม่น้อยหน้าก็ตอบโต้กลับไปเช่นกันจนครูฝ่ายปกครองเดินมาพร้อมกระบี่ด้วยใบหน้าบึ้งตึงอย่างน่าหวั่นใจ
"พวกเธอ-!!!เชิญกันที่ห้องปกครอง" และแล้วนักเรียนหญิงทั้งสี่คนก็โดนจัดส่งไปที่ห้องปกครองแอร์เย้นมว๊ากอย่างรวดเร็วพร้อมโทรหาผู้ปกครองโดยไม่ฟังคำขอว่าอย่าโทรเลยแม้แต่นิด
"เอ่อ...ครูไมตรีครับเกิดอะไรขึ้นหรอครับ" เบิกฟ้าส่งเสียงเรียกครูพละหนุ่มประจำมัธยมปลายสายตากวาดมองบริเวณโต๊ะกินข้าวที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเศษอาหารกระจายเกลื่อนหนำซ้ำยังไม่เห็นจันทราอีก
"อ๋อ เมื่อกี้มีนักเรียนหญิงตบตีกันน่ะตอนนี้ไปอยู่ที่ห้องปกครองแล้วล่ะ" ไมตรีเกาแก้มเบาๆพร้อมมองสีหน้าอึ้งของเบิกฟ้ากับภูผาอย่างขำ
"พวกเธอไปกินข้าวเถอะ ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว"
'ไม่มีอะไรได้ไง อาหารกลางวันของพวกผมกองกับพื้นอยู่นี่ไงครับ' ภูผาบ่นในใจ
จวบจนคาบสุดท้ายของวันจันทราก็ยังไม่ได้ขึ้นห้องเรียนมาเรียนซักคาบ เบิกฟ้ากับภูผาจึงช่วยกันเก็บของใต้โต๊ะใส่กระเป๋านักเรียนแล้วนำไปให้จันทรา ระหว่างเก็บอยู่นั้นมือจอมซุ่มซ่ามของภูผาได้ปัดไปโดนกระเป๋านักเรียนจันทราจนของที่อยู่ข้างในกระจายเกลื่อนออกมาชมโลกภายนอก
"มึงนี่หาเรื่องตลอดไอ้ภูผา"เบิกฟ้าบ่นเพื่อนซี้ฉอดๆขณะเก็บของที่เทออกมา
"เออน่าอย่าบ่นให้มาก"ระหว่างที่เก็บอยู่นั้นสายตาของภูผาได้ไปสะดุดกับหนังสือการ์ตูนเล่มนึง "เก็บรักจากใจของจอมทรราช"ภูผาอ่านชื่อเรื่องเบาๆ
เบิกฟ้าหันมากำข้อมือภูผาที่กำลังจะเปิดหนังสือที่น่าปกเป็นรูปของเรือนร่างอ่อนหวานในสภาพนุ่งนอนชิดโอบกอดร่างในชุดเครื่องแบบทหารที่เต็มไปด้วยเลือด ภูผาแหงนหน้ามองเบิกฟ้าที่ส่ายหน้าไปมาช้าๆ
"มึงเชื่อกู มึงอย่าอ่าน เรื่องนี้กูเคยโดนมาแล้ว" เบิกฟ้าสบตาภูผา แล้วหยิบหนังสือเล่มนั้นใส่กระเป๋าของจันทราอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียงภูผาถอนหายใจออกมาเบาๆ
"กูรู้หน่า จันทราเขาเป็นสาววาย กูส่องมา เจอมาเยอะกว่าที่มึงคิด" ภูผาตบไหล่เบิกฟ้าเบาๆก่อนจะคว้ากระเป๋าคนที่ไม่อยู่เดินออกไปโดนมีเบิกฟ้าตามไปติดๆเช่นกัน
"เดี๋ยวก่อนนายเบิกฟ้ามาทีโต๊ะครูนี่สิ"ครูสมศรีเสียงเบิกฟ้าที่กำลังจะออกจากห้อง
"งั้นกูไปก่อนนะเพื่อนยาก"ว่าเสร็จภูผาก็รีบสาวเท้าออกไปทันทีโดยมีเสียงทิ้งหายมาไกลๆว่า โชคดีนะเพื่อน
เบิกฟ้าเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะครูสมศรีหลังห้องก่อนจะลดตัวลงไปนั่งจ๋องกับพื้นโดยที่ข้างๆมีนักเรียนชายอีกคนนั่งอยู่ใกล้ๆตน
"พวกเธอรู้ใช่ไหมว่านี่คือโรงเรียนเอกชนที่ค่าเทอมแพงหูฉี่" สมศรีมองนักเรียนทั้งสองเขม็ง
"นายทิวสนในสมุดพกทำไมเธอไม่กรอกอาชีพของผู้ปกครองห๊ะ" สายตาพิฆาตจ้องที่คนร่างเล็กเรียกอาการตกใจได้ไม่น้อย "แบบนี้ครูจะรู้ได้ไงว่าอาชีพที่บ้านเธอจะไม่เป็นปัญหาต่อค่าเทอม"ทิวสนได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่ตอบ คราวนี่สมศรีเบนสายตามายังเบิกฟ้าบ้าง "ในนี้เขียนว่าแม่เป็นผู้ปกครองได้ข่าวว่าเสียหมดแล้วนี่จะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายค่าเทอม" เบิกฟ้าได้แต่กัดฟันก้มหน้าเหมือนทิวสน จะให้บอก
ยังไงล่ะว่าพี่อรุณไม่ยอมรับ คุณพ่อเลยไม่ได้ลงชื่อเป็นผู้ปกครองน่ะ อีกอย่างยังไม่ได้ถามพี่อรุณเลยด้วยว่าจะยอมเป็นผู้ปกครองให้รึเปล่า
"เอาแบบก้มหน้าก้มตาแบบนี้จะได้เรื่องไหมห๊ะ" สมศรีตบโต๊ะดังปั๊งทำให้ทิวสนผวามากกว่าเดิม"กลับบ้านไปได้แล้ว พรุ่งนี้ก็หาคำตอบมาด้วย" สมศรีเหลือบมองนาฬิกาเมื่อเห็นว่าห้าโมงกว้าแล้วจึงรีบไล่นักเรียนชายทั้งสองให้กลับบ้านไป
ระหว่างลงบันไดมาถึงชั้นสุดท้ายเบิกฟ้าดันไปเจอเข้ากับครูไมตรีเข้าระหว่างทาง
"นี่ก็เย็นแล้วนะ ไม่กลับบ้านหรอ"
"เอ่อ...กำลังจะกลับครับครูไมตรี"
"งั้นให้ครูไปส่งที่บ้านไหมล่ะ ระวังรถเมล์หมดแล้วกลับบ้านไม่ได้นะเบิกฟ้า" ไมตรีถามอย่างร่าเริง
"ก็ได้ครับ" เพราะด้วยความที่รู้จักกันมานานและสนิทอยู่ระดับนึงเบิกฟ้าจึงยอมตกลง
รถยนต์ป้ายแดงสีดำเคลื่อนมาจอดรอรับเบิกฟ้าที่หน้าอาคารประชาสัมพันธ์ก่อนจะขับออกมาช้าๆแล้วติดอยู่ก่อนถึงหน้าประตูโรงเรียนรอเลี้ยวออกไปทางซ้าย ด้วยการที่ห้องปกครองตั้งอยู่ที่หน้าประตูพอดี เบิกฟ้าเลยหันไปดูจึงยังเห็นจันทราและนักเรียนหญิงอีกสามคนนั่งดันอยู่ข้างในพร้อมผู้ปกครองโดยก้มหน้าก้มตาไม่มองครูฝ่ายปกครองที่ตอนนี้กำลังเดือดจนอาจพ่นไฟได้
สายตาเบิกฟ้าเพ่งไปยังผู้ปกครองของจันทราเพราะใบหน้านั้นช่างคุ้นเคยเหมือนเห็นที่ไหนมาก่อนจนนึกได้ว่าคือไอ้วิตถารที่คิดแอ้มอรุณตอนอยู่งานศพนั่นเอง เบิกฟ้ามองไปที่รุ่งโรจน์ไม่ละสายตากว่าจะละสายตาได้ก็ตอนที่รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากโรงเรียน
'โลกกลมจริงๆ' เบิกฟ้าคิดเงียบๆในใจ
เวลาล่วงเลยไปถึงหกโมงเย็นกว่าๆครูฝ่ายปกครองจึงยอมปล่อยตัวนักเรียนหญิงทั้งสี่ออกมา หน้าตาแต่ละคนดูสลดไม่ใช่น้อย ฝ่ายที่เป็นคนเริ่มก่อนโดนคาดโทษว่าถ้ามีเรืาองอีกครั้งจะถูกพักการเรียน ฝ่ายที่โดนหาเรื่องอย่างจันทรานับโทษเป็นการถอดออกจากตำแหน่งดาวโรงเรียน
"ตำแหน่งงี่เง่านั่นไม่เป็นอยากเป็นเลย" สาวผมเปียบ่นงึมงำอยู่บนรถยนต์เบนหน้าออกนอกหน้าต่าง สัมผัสจากมือใหญ่ลงมาประทับที่ผมของจันทราพร้อมมอบรอยยิ้มอบอุ่นให้
"อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ไม่น่ารักเลยนะ" ผู้เป็นพ่อลูบผมลูกสาวเบาๆ
"เอ่อ...คุณพ่อมีนัดทานข้าวกับเด็กในสังกัดนี่ ไม่รีบไปจะดีหรอ" จันทราแหงนหน้าถามรุ่งโรจน์จันทรารู้มานานแล้วว่าตั้งแต่แม่เสียไปก็ไม่เห็นสนใจผู้หญิงอื่นอีกแต่เปลี่ยนมาเป็นผู้ชายแทน ถึงกระนั้นรุ่งโรจน์ก็ไม่เคยลืมที่จะให้ความสำคัญกับจันทรา รุ่งโรจน์มักบอกเสมอว่า'ในดวงใจของพ่อตอนนี้มีแต่ลูกเท่านั้น'เป็นประจำ เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้จึงไปสะกิดต่อมสาววายของจันทราที่หลับอยู่ให้ตื่นขึ้นกลายเป็นสาววายสายจัดเต็ม
รุ่งโรจน์ยิ้มตอบจันทรา "ค่อยนัดใหม่ก็ได้ เวลานี้ต้องอยู่กับลูกน่ะถึงจะถูกต่างหาก ยัยตัวแสบ" ผมบนหัวจันทราถูกขยี้จนยุ่งด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
เสียงรถยนต์จอดหน้าบ้านบุญพิทักษ์ธรรมดังขึ้น อรุณที่กำลังจะไปห้องครัวหันมาเลิกผ้าม่านดู เมื่อเห็นว่าเป็นเบิกฟ้าก็ไม่ได้คิดอะไรมากแต่ติดตรงที่ว่าทำไมไอ้คนที่มาส่งถึงดูสนิทกับเบิกฟ้านัก ความไม่สบอารมณ์แล่นไปมาในสมองอรุณ เจ้าตัวมองอยู่ซักพักพอเป็นเบิกฟ้าเปิดประตูรั้วเข้ามาแล้วจึงผ่อนลมหายใจเดินเข้าไปในห้องครัวตามเดิม
พอเห็นว่าไฟในบ้านเปิดสว่างอยู่เบิกฟ้าจึงแน่ใจว่าอรุณกลับมาบ้าน แต่กลับมาเพราะอะไรใครเล่าจะใคร่รู้ เบิกฟ้ายกไหวเล็กน้อยพร้อมฮัมเพลงเดินเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดีเพราะอรุณกลับมาบ้าน ตัวเองจะได้ไม่ต้องเหงาเหมือนหลังงานศพของพวกคุณพ่อที่อรุณไม่ได้กลับเสียที
"แค่มีคนมาส่งยันบ้านถึงขั้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยเรอะ" เสียงทุ้มดังขึ้น ทำให้เบิกฟ้าที่เดินผ่านห้องครัวชะงักหันไปมองอรุณที่กำลังชงกาแฟอยู่
"ไม่ใช่ซักหน่อยครับ" เบิกฟ้าเดินเข้าไปข้างในหยุดอยู่ข้างหลังเบิกฟ้า มองคนที่ชงกาแฟกลิ่นหอมกรุ่นไม่ละสายตา
"งั้นหรอ แล้วยิ้มทำไม" เจ้าตัวยังคงมองเพียงแต่ถ้วยกาแฟตรงหน้าไม่หันกลับไป ทำให้ไม่เห็นแขนทั้งสองข้างของเบิกฟ้าที่กำลังยื่นมาจับขอบโต๊ะไว้แน่น แม้จะต่างกันที่ส่วนสูงแต่หุ่นนักกีฬาอย่างเบิกฟ้าก็ได้เปรียบเรื่องแรงกว่าเบิกฟ้าที่ต้องทำงานอยู่
"เพราะพี่อรุณกลับมาไงล่ะผมถึงได้ยิ้ม" เบิกฟ้ากล่าวด้วยน้ำเสียงชวนเคลิ้ม อรุณพยายามหันกลับไปมองแต่ก็ทำไมได้ เพราะแขนทั้งสองข้างล้อมซ้ายขวาไว้หมดแล้ว เบิกฟ้ารุกอรุณเต็มที่อย่างไม่เกรงใจ
"ตอนนี้พี่เป็นผู้ปกครองของผมใช่ไหม" เบิกฟ้าซบหน้าลงบนแผ่นกลางผู้เป็นพี่ชาย พอได้ยินเสียงตอบ อืม มาเบาๆจึงพูดบางอย่างแถมท้าย "วันศุกร์ที่จะถึงนี้มีประชุมผู้ปกครองพี่มาได้ใช่ไหม"
"ดูก่อน" อรุณตอบเสียงเรียบ เลื่อนมือไปแกะมือที่อยู่บนขอบโต๊ะพอได้แล้วจึงหมุนตัวหมายจะเดินออกจากห้องพร้อมแก้วกาแฟที่ชงไว้แต่ถูกแรงดึงด้านหลังส่งไปนอนอยู่นอนหงายอยู่กับโต๊ะทานข้าวใกล้ๆทำให้แก้วกาแฟตกแตก เบิกฟ้าเคลื่อนตัวมาคร่อมอรุณเอาไว้ "ปล่อย"อรุณพูดเสียงเข้มพร้อมอารมณ์ที่เริ่มโมโหอย่างห้ามไม่อยู่
คนที่อยู่ด้านบนไม่ตอบเพียงแต่ก้มลงจูบอรุณอย่างรวดเร็ว ใครจะคิดว่าหล่อๆอย่างอรุณไม่เห็นจูบใครมาก่อน คนที่เป็นฝ่ายจูบดึงต้องเป็นฝ่ายทำเองคนเดียว ฝ่ายโดนกดใช่ว่าจะยอมแต่ด้วยการอยู่ในท่าที่ลำบากต่อการออกแรงดันเพราะขอบโต๊ะทานเข้ากระแทกเข้าไขสันหลังจนเจ็บไปหมดบวกคนด้านบนที่ไม่ยอมผ่อนแรงกดแม้แต่นิดทำให้อรุณตกเป็นรองขึ้นยิ่งกว่าเดิม
อรุณพยายามยกขาเตะใส่ขาเบิกฟ้า แต่เจ้าตัวรู้ทันจึงถ่างเข่าออกทำให้ขาของอรุณอ้าแยกออกจากกันเป็นท่าที่ยั่วชวนที่ใครมาเห็นก็น่าจับกดลงเสียตรงนั้น อรุณเริ่มหน้าซีดจึงสะบัดหน้าหนีหลุดจากการจูบของเบิกฟ้าได้เบิกฟ้าไม่ยอมแค่นั้นคว้าข้อมูลอรุณรวบขึ้นติดกับโต๊ะเหนือศีรษะอรุณ เมื่อกดไว้แน่นแล้วจึงเอามือออกมาข้างหนึ่ง มือซ้ายที่เอาออกมากระชากเสื้อผ้าอรุณอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นถึงแผ่นอกกระเพือมแรงๆจากการตื่นตระหนกของอรุณ
พอเห็นว่าไฟในบ้านเปิดสว่างอยู่เบิกฟ้าจึงแน่ใจว่าอรุณกลับมาบ้าน แต่กลับมาเพราะอะไรใครเล่าจะใคร่รู้ เบิกฟ้ายกไหวเล็กน้อยพร้อมฮัมเพลงเดินเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดีเพราะอรุณกลับมาบ้าน ตัวเองจะได้ไม่ต้องเหงาเหมือนหลังงานศพของพวกคุณพ่อที่อรุณไม่ได้กลับเสียที
"แค่มีคนมาส่งยันบ้านถึงขั้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยเรอะ" เสียงทุ้มดังขึ้น ทำให้เบิกฟ้าที่เดินผ่านห้องครัวชะงักหันไปมองอรุณที่กำลังชงกาแฟอยู่
"ไม่ใช่ซักหน่อยครับ" เบิกฟ้าเดินเข้าไปข้างในหยุดอยู่ข้างหลังเบิกฟ้า มองคนที่ชงกาแฟกลิ่นหอมกรุ่นไม่ละสายตา
"งั้นหรอ แล้วยิ้มทำไม" เจ้าตัวยังคงมองเพียงแต่ถ้วยกาแฟตรงหน้าไม่หันกลับไป ทำให้ไม่เห็นแขนทั้งสองข้างของเบิกฟ้าที่กำลังยื่นมาจับขอบโต๊ะไว้แน่น แม้จะต่างกันที่ส่วนสูงแต่หุ่นนักกีฬาอย่างเบิกฟ้าก็ได้เปรียบเรื่องแรงกว่าเบิกฟ้าที่ต้องทำงานอยู่
"เพราะพี่อรุณกลับมาไงล่ะผมถึงได้ยิ้ม" เบิกฟ้ากล่าวด้วยน้ำเสียงชวนเคลิ้ม อรุณพยายามหันกลับไปมองแต่ก็ทำไมได้ เพราะแขนทั้งสองข้างล้อมซ้ายขวาไว้หมดแล้ว เบิกฟ้ารุกอรุณเต็มที่อย่างไม่เกรงใจ
"ตอนนี้พี่เป็นผู้ปกครองของผมใช่ไหม" เบิกฟ้าซบหน้าลงบนแผ่นกลางผู้เป็นพี่ชาย พอได้ยินเสียงตอบ อืม มาเบาๆจึงพูดบางอย่างแถมท้าย "วันศุกร์ที่จะถึงนี้มีประชุมผู้ปกครองพี่มาได้ใช่ไหม"
"ดูก่อน" อรุณตอบเสียงเรียบ เลื่อนมือไปแกะมือที่อยู่บนขอบโต๊ะพอได้แล้วจึงหมุนตัวหมายจะเดินออกจากห้องพร้อมแก้วกาแฟที่ชงไว้แต่ถูกแรงดึงด้านหลังส่งไปนอนอยู่นอนหงายอยู่กับโต๊ะทานข้าวใกล้ๆทำให้แก้วกาแฟตกแตก เบิกฟ้าเคลื่อนตัวมาคร่อมอรุณเอาไว้ "ปล่อย"อรุณพูดเสียงเข้มพร้อมอารมณ์ที่เริ่มโมโหอย่างห้ามไม่อยู่
คนที่อยู่ด้านบนไม่ตอบเพียงแต่ก้มลงจูบอรุณอย่างรวดเร็ว ใครจะคิดว่าหล่อๆอย่างอรุณไม่เห็นจูบใครมาก่อน คนที่เป็นฝ่ายจูบดึงต้องเป็นฝ่ายทำเองคนเดียว ฝ่ายโดนกดใช่ว่าจะยอมแต่ด้วยการอยู่ในท่าที่ลำบากต่อการออกแรงดันเพราะขอบโต๊ะทานเข้ากระแทกเข้าไขสันหลังจนเจ็บไปหมดบวกคนด้านบนที่ไม่ยอมผ่อนแรงกดแม้แต่นิดทำให้อรุณตกเป็นรองขึ้นยิ่งกว่าเดิม
อรุณพยายามยกขาเตะใส่ขาเบิกฟ้า แต่เจ้าตัวรู้ทันจึงถ่างเข่าออกทำให้ขาของอรุณอ้าแยกออกจากกันเป็นท่าที่ยั่วชวนที่ใครมาเห็นก็น่าจับกดลงเสียตรงนั้น อรุณเริ่มหน้าซีดจึงสะบัดหน้าหนีหลุดจากการจูบของเบิกฟ้าได้เบิกฟ้าไม่ยอมแค่นั้นคว้าข้อมูลอรุณรวบขึ้นติดกับโต๊ะเหนือศีรษะอรุณ เมื่อกดไว้แน่นแล้วจึงเอามือออกมาข้างหนึ่ง มือซ้ายที่เอาออกมากระชากเสื้อผ้าอรุณอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นถึงแผ่นอกกระเพือมแรงๆจากการตื่นตระหนกของอรุณ
TBC
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น