BrotherS : บทที่2 สายฝน

   "อัญชัญเธอกลับไปก่อนเถอะ ฉันคงต้องคุยกับเจ้าหน้าที่เรื่องศพพวกคุณพ่ออีกซักพัก" อรุณหันมาบอกกับอัญชัญที่นั่งอยู่ไม่ไกลแล้วหันกลับไปคุยกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต่อ
   "ค่ะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ" อัญชัญก้มหัวเป็นเชิงบอกลาแล้วเดินออกไปอย่างไม่เร่งรีบ
   "มึงจะกลับเลยไหมหว่ะ" คราวนี้ตาเบิกฟ้าถามเพื่อนซี้บ้าง
   "ของมันแน่อยู่แล้วจะให้สาวสวยกลับคนเดียวได้ไงกันหว่ะ งั้นกูไปหล่ะ" ภูผาตบหลังเบิกฟ้าไปทีแถมตกเก้าอี้ก่อนจะวิ่งตามอัญชัญไปแต่ก็ต้องหันกลับมาหาเบิกฟ้าอีกครั้ง "มึงอย่าลืมนะ มึงยังมีพี่มึงอยู่และก็มีกูด้วย" ภูผายิ้มร่าแล้วจากไป
.
.
.
   "คุณอัญชัญคร๊าบบบบบ"เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เธอหันกลับไปมองด้วยความสงสัยว่าใครเรียกเธอ
   "อ้าว เธอนั่นเอง รู้สึกว่าจะเป็นเพื่อนของเบิกฟ้าใช่ไหม" สาวสวยทรงโตถามอย่างไพเราะ
   "ใช่ครับ ผมชื่อภูผา รัตตินากรณ์ครับ เอ่อถ้าไม่รังเกียจผมขอทราบชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และอื่นๆของคุณได้ไหมครับ" ภูผาพูดแนะนำตัวบวกคำถามอีกเป็นชุดเพราะถือคติคิดจีบหญิงต้องรุกเลย
   อัญชัญหลุดขำออกมาเบาๆกับการกระทำของหนุ่มน้อยตรงหน้า
   "ถ้าภูผาอยากได้ขนาดนั้นหล่ะก็...พี่สาวชื่ออัญชัญ พรรณรักษ์ พี่ไปหล่ะนะ" อัญชัญโบกมือให้ภูผาที่ยังอยู่ค้างอยู่ข้างหลัง
   "เดี๋ยวก่อนครับ คุณอัญชัญยังไม่ได้บอกพวกเบอร์โทรศัพท์ผมเลย" ภูผาท้วง
   "จุ๊ๆ อยากได้ก็ต้องจีบเอา แต่เห็นแบบนี้พี่สาวไม่ง่ายนะ" อัญชัญเลื่อนนิ้วชี้ขึ้นระดับฝีปากส่ายไปมา
   ภูผาที่ภูมิใจในหน้าตาอันหล่อเหลาของตัวเองพอเจออัญชัญตอบกลับมาแบบนี้เปลวใจที่มอดดับในหัวใจกลับมาลุกโชนอีกครั้ง ที่ผ่านมาเวลาเขาจีบใครก็มักจะได้พวกเบอร์โทรศัพท์มาง่ายๆไม่ท้าทายอะไรเลย
   'ดีหล่ะ ภูผาคนนี้จะพิชิตหัวใจคุณอัญชัญให้ได้-!' เสียงในใจภูผาร่ำร้องด้วยความตื่นเต้น
.
.
.
   อรุณเดินออกมาจากห้องดับจิตหลังจากคุยกับเจ้าหน้าที่เสร็จ สายตาเลื่อนไปเห็นเบิกฟ้าที่นั่งอยู่ไม่ไกลจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหา
   "นี่แกยังไม่กลับไปอีกเหรอ" อรุณเปิดฉากถาม
   "ครับ ผมกังวลเรื่องพวกคุณพ่อหน่ะครับ" เบิกฟ้ารีบปิดเกมโทรศัพท์ที่เล่นอยู่ใส่กระเป๋ากางเกงอย่างลนลาน
   "เหอะ แกไม่ต้องห่วงหรอก กลับบ้านไปได้แล้วไป"
   "เอ่อ..." เบิกฟ้าเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดแล้วบวกสายฝนเทลงมาอย่างหนักอีกต่างหาก
   "งั้นแกรออยู่นี่ ฉันจะไปเอารถ"
   "อะไรนะครับ" เบิกฟ้าถามทวนเพราะตอนที่อรุณพูดเกิดฟ้าร้องพอดี
   "ฉันจะไปเอารถ" อรุณเริ่มมีอารมณ์งุดงิดขึ้น
   เสียงฝนกระทบหลังคาดังเกินไปทำให้เบิกฟ้าได้ยินไม่ชัดจนเบิกฟ้าต้องร้องถามใหม่
   "โธ่เวร๊ย ฉันบอกว่าฉันจะไปเอารถให้แกรออยู่นี่-!" คราวนี้เบิกฟ้าได้ยินเต็มสองรูหูจากการตะคอกใส่ของอรุณ
   ร่างของอรุณเดินหายเข้าไปในตึกทิ้งให้เบิกฟ้ายืนงงอยู่คนเดียว เวลาผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมง รถยนต์สีเงินขับมาเทียบริมฟุตบาทพร้อมลดกระจกด้านข้างคนขับลงครึ่งนึงเผยให้เห็นสีหน้าไม่พอใจของอรุณ
   "ขึ้นมา" เสียงเรียกจากคนในรถทำให้เบิกฟ้าที่ยืนพิงกำแพงอยู่หันมา
   เบิกฟ้าถอดเสื้อนอกรด.ออกเพื่อกันฝน เนื่องจากช่วงของตึกกับริมฟุตบาทไม่มีหลังคาทำให้มีฝนเทลงมาได้ เบิกฟ้าจ้ำผ่านสายฝนขึ้นไปบนรถยุโรปที่จอดรออยู่อย่างเร็วจี๋ จากนั้นรถยนต์ก็ขับออกจากโรงพยาบาลไป สุดท้ายก็ต้องมาติดอยู่บนถนนอีกหลายชั่วโมงเพราะฝนตกทำให้การจราจรติดขัดอย่างมาก
   ฝนที่ตกลงมาทำให้ไม่สามารถเปิดกระจกได้จึงต้องพึ่งลมหนาวจากแอร์อย่างเดียว หนุ่มน้อยเหลือบมองหนุ่มใหญ่ที่อยู่ในสภาพเปียกโชก ผมที่ถูกเซ็ทให้เสยอยู่ตลอดเวลาปรกลงมา เสื้อสูทอย่างดีถูกโยนไปกองไว้ที่เบาะหลังเหลือแต่เชิ้ตขาวที่ปลดกระดุมไปสองสามเม็ดเปียกจนแนบเนื้อ เนคไทถูกดึงให้ต่ำลงเพื่อจะได้ไม่ขัดขวางการหายใจกำลังสั่นเล็กน้อยจากความเย็นของแอร์ ขนาดภูผาที่เปียกนิดเดียวยังหนาวคงไม่ต้องพูดถึงอรุณที่น่าจะวิ่งผ่านสายฝนไปเอารถมารับ
   "เป็นอะไร หนาวรึไงถึงได้นิ่งขนาดนั้น" อรุณหันมามองเบิกฟ้าที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล
   "นิดหน่อยครับ แต่ผมคิดว่าพี่อรุณน่าจะหนาวกว่านะครับ"เบิกฟ้ามองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มเจ้าของคำถาม
   "..." อรุณไม่ตอบแต่หันกลับไปขับรถต่อแล้วไม่พูดอะไรอีกด้วยใบหน้าที่ดูบึ้งตึงกว่าเดิม
   'นี่เราพูดอะไรผิดเนี่ย' เบิกฟ้าคิดทบทวนในใจ
   "เอ่อ...ผมพูดอะไรผิดรึป่าวครับ" เบิกฟ้าเลือกจะถามออกไป
   "ไม่" เสียงทุ้มต่ำตอบกลับ สายตายังคงจับจ้องไปที่ถนนข้างหน้า
   "พี่อรุณจะค้างที่บ้านใช่ไหมครับ" เบิกฟ้าถามอีก
   "คงต้องเป็นอย่างนั้น" นักธุรกิจหนุ่มใหญ่เอามือเสยผมที่ปรกลงมาขึ้น
   ตอนนี้เบิกฟ้าไม่รู้จะถามอะไรแล้ว ภายในรถจึงตกอยู่ในความเงียบกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ดูน่าอึดอัดแปลกๆเหมือนพ่อกำลังโกรธลูกชายที่ไปทำสาวท้อง ถ้ามองในความต่างด้านอายุก็ได้อยู่เหมือนกันแต่ติดที่ว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องกันหน่ะสิ และแล้วความเงียบก็ถูกทำลายลงเมื่ออรุณถามคำถามขึ้น
   "พวกคุณพ่อ..."
   "ครับ?" เบิกฟ้าที่นั่งเหม่อมองข้างหน้าต่างหันกลับมา
   "ตอนที่ฉันไม่อยู่บ้านพวกคุณพ่อสบายดีสินะ"
   "ใช่ครับ พวกคุณพ่อสบายดีครอบครัวรักกันไม่มีปัญหาเหมือนที่พี่อรุณอยากให้เป็นครับ"
   "งั้นหรอ ดีแล้วหล่ะ ดีแล้ว" อรุณพูดเบาๆราวกับกำลังปลอบใจตัวเอง
   เบิกฟ้ามองอรุณอย่างยิ้มๆ โดยที่ตัวเองยังสงสัยว่ายิ้มออกมาทำไม มือบางเลื่อนขึ้นไปกุมมือหนาที่จับพวงมาลัยอยู่ ความร้อนจากร่างกายส่งไปยังร่างอีกฝ่ายที่เย็นเฉียบ
   "ไม่ต้องกังวลนะครับ พี่อรุณยังมีผมอยู่ข้างๆ"เสียงทุ้มนุ่มกล่าว มือที่กุมอีกฝ่ายแน่นขึ้นเหมือนต้องการจะปลอบประโลมหัวใจที่บอบช้ำของอีกคน
   มุมปากอรุณกระตุกขึ้นเล็กน้อย "ฉันไม่ใช่เด็กที่จะให้แกมาโอ๋นะ" อรุณพูดเสียงเข้ม แต่ลึกๆแล้วเขากลับสัมผัสได้ถึงหัวใจที่แตกสลายรู้สึกเหมือนกำลังบอกกับตัวเขา นายไม่ได้อยู่คนเดียว นายยังมีเบิกฟ้าอยู่
   "ขอโทษครับ" เบิกฟ้าหยิบแหย มองมือของตนที่ถูกปัดออกด้วยรอยยิ้มน้อยๆ 'คนอะไรปากแข็งจริง'
.
.
.
   ไม่นานอรุณก็ขับรถมาจอดหน้าบ้านไม้ทรงไทยหลังใหญ่ที่คุณพ่อสร้างไว้สมัยเป็นหนุ่มๆ คุณพ่อแม้จะเป็นนักธุรกิจพันล้านแต่ก็ชอบอะไรไทยๆจึงเลือกสร้างบ้านแบบไทยขึ้น
   "เดี๋ยวผมลงไปเปิดรั้วให้ครับ" เบิกฟ้ารีบลงจากรถไปเปิดประตูทันทีโดยไม่รีบร้อนเท่าไหร่เพราะฝนหยุดตกแล้ว
   หากสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีคนใช้มาเปิดประตูก็ต้องตอบว่าคุณนายทั้งสองของบ้านนี้ชอบความเป็นส่วนตัวเลยไม่ยอมให้จ้างคนใช้เลย ทุกอย่างไม่ว่าจะซักผ้าถูบ้านตัดหญ้าล้วนทำกันเองทั้งนั้นใช้ชีวิตเรียบง่ายอย่างมีความสุขสามัคคีปรองดอง
   อรุณนำรถไปจอดที่โรงเก็บเสร็จก็เดินตามเบิกฟ้าขึ้นบ้านไป เสีงเอี๊ยดอ๊าดของพื้นไม้ดังตามจังหวะการก้าวเดินของทั้งคู่ นักธุรกิจที่ไม่ได้กลับบ้านมาบ่อยๆ มองไปรอบๆตัวบ้านแม้จะต่างไปนิดหน่อยจากเดิมเมื่อกลับมาครั้งล่าสุดเพื่อมาเยี่ยมพวกคุณพ่อ อรุณเดินสัมผัสกับผนังบ้านราวกับต้องการซึมซับความทรงจำสมัยที่ยังไม่ได้ย้ายออกจากบ้านไป
   อรุณเดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเองภายในห้องยังเหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยน อรุณนั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือของตนก่อนจะเอื้อมมือหยิบบางสิ่งที่อยู่ข้างใต้ออกมา
   ฝุ่นที่เกาะอยู่ถูกปัดออกทำให้เห็นว่าสิ่งที่อรุณเอาออกมาคืออัลบั้มรูปถ่ายหลายเล่ม เรื่องราวและความทรงจำของอรุณตั้งแต่เกิดถูกเก็บไว้ในนี้ นิ้วเรียวเลื่อนเปิดรูปภาพไปเรื่อยและหยุดลงที่รูปถ่ายที่มีอนันต์กับดาริกายืนอุ้มเด็กทารกเอาไว้ด้วยไบหน้ายิ้มแย้ม เด็กทารกก็คือ อรุณ นั่นเอง
   ริมปากเผยอเล็กน้อย "คุณพ่อ คุณแม่" อรุณลูบภาพนั้นอยู่ซักพัก
   ก๊อก ก๊อก เสียงประตูถูกเคาะขึ้น
   "พี่อรุณครับ ห้องน้ำว่างแล้วครับ" เบิกฟ้าร้องเรียกจากด้านอก
   อรุณที่นั่งมองรูปเก็บอัลบั้มทั้งหลายให้เข้าที่ดังเดิมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ย้ายร่างไปหน้าตู้เสื้อผ้าหยิบชุดที่น่าจะพอใส่ได้อยู่พร้อมผ้าขนหนู
   แกร๊ก ประตูห้องเปิดออก เบิกฟ้าที่ยืนอยู่หน้าห้องจึงถอยหลังเล็กน้อยเพื่อหลีกทางให้อีกฝ่ายที่เดินออกมา
  
TBC
  
  
  
  
  
  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

FanFic : Pirates of the Caribbean : Dead Men Tell No Tales : 01

FanFic : วิทูร เชียร [พระเจ้า & สาวก ]

FanFic : witchking of angmar and mouth of sauron 01